Guanajuato – City of Street Arts and Color Palette

Guanajuato อ่านออกเสียงประมาณว่า กวานาฮวาโต เป็นเมืองเล็กๆแต่มีความอาร์ตและโรแมนติกมากแห่งนึงในประเทศ Mexico ที่สำคัญ มันติดอยู่ในลิสของ UNESCO World Hertitage และเป็นเมืองที่มีรูปถ่ายปรากฏมากที่สุดในเม็กซิโกอีกด้วย จริงๆแล้วเมืองนี้เคยเป็นเมืองที่มีการขุดแร่เงินมาก่อนในสมัยศตวรรษที่ 18 ตัวเมืองมีความเป็นเอกลักษณ์ตรงที่ มันตั้งอยู่ในเทือกเขาและภูเขา ? ภายในตัวเมืองมีความน่ารักกุ๊กกิ๊กเพราะเค้าทางสีบ้านเป็นสีหลากสีบรรยากาศ ภายในเมืองก้อชิวๆ ใครนิยมการถ่ายรูป ? ทั้งถูกถ่ายและถ่ายเอง ก้อขอแนะนำมาที่นี่เรยค่าา  ?

เราใช้เวลาประมาณเกือบ 6 ชั่วโมงขับรถ ? จากตัวเมือง Mexico City กว่าจะมาถึงจริงๆแล้ว 3.5 ชั่วโมงก้อควรมาถึงนะแต่มีอุบัติเหตุรถติดระหว่างทางเลยเสียเวลาไปมากและยังต้องแวะเมืองระหว่างทางเพื่อแลกเงินไร้สาระอีก เห้อออ ? แต่เอาเป็นว่า ในที่สุดเราก้อมาถึงจนได้ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่ควรทำที่เมืองนี้~~~

? พาคู่รักของคุณไปจูจุ๊บที่ The Alley of the Kiss

Callejon del Beso หรือ Alley of the kiss ถ้าทุกคนจำได้ เราเคยเล่าไปแล้วว่าจุดๆนี้ balcony แห่งนี้มันมีอดีตอันน่าเศร้าเพราะมันเป็นสถานที่แห่งความรักของ Carmen และ Luis และทั้งคู่ก้อได้สียชีวิตลงที่นี่ ด้วยน้ำมือของพ่อ Luis ที่ต่อต้านความของเค้าสองคนนั่นเอง ?

มีความเชื่อกันว่า ถ้าใครได้มาที่ guanajuato กะคู่รัก จะต้องไปจูจุ๊บกันที่จุดที่แคบที่สุดหรือบันไดขั้นที่ 3 แล้วจะนำพาความสุขมาให้คู่รักนั้น ? เวลาถ่ายรูปคือต้องถ่ายให้เห็น balcony ด้านบนที่ยื่นออกมานะถึงจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ?

? นั่งชิวชมพระอาทิตย์ตก⛅ พร้อมวิวเมืองจากมุมสูงที่ Pipila Monument

นี่ก้อเป็น A-must อีกอย่างของการมาเที่ยวเมืองแห่งนี้ เมืองนี้มีความพิเศษตรงที่ คุณจะเห็นบ้านที่ตั้งอยู่บนเขาเรียงรายสีสันสดใส จุดที่คนนิยมขึ้นไปชมวิวเมืองอันโด่งดังคือ ที่ pupils monument นี่เอง

และนี่คือวิวที่คุณจะเห็นจาก Pipila Monument …

และถ้าจะให้ดี ก้อควรไปตอนพระอาทิตย์ตก เพราะในช่วงเวลา twilight คุณจะเห็นเมืองทั้งเมืองเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน คือบั๊บ มันโรแมนติกมากกกก ?

? ลองนั่งรถแทรม ? Funicular ขึ้น-ลงเขา

อย่างที่บอกไป เมืองนี้เป็นเมืองบนภูเขา ด้านล่างของเมืองเป็นเหมืองแร่เก่าทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นถนนสำหรับรถวิ่ง ถนนตรงการเมืองมีความพิเศษตรงที่มันมีไว้ให้คนเดินเท่านั้น มีที่จอดรถอยู่ไม่กี่แห่งในใจกลางเมือง ซึ่งคุณจะต้องลอดอุโมงค์ จากด้านนอกแล้วมาโผล่ตรงใจกลางเมืองเลย จากนั้นจะไปต่อก้อต้องเท้าเดินลูกเดียว และด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขา การเดินขึ้นลงบันไดวันละหลายๆ รอบ ก้ออาจจะทำให้หอบแดรกเอาได้จ้า ? ดังนั้น เค้าจึงมีสิ่งที่เรียกว่า Funicular ซึ่งถือป็น classic transportation ของคนท้องถิ่น

รถรางนี้จะเชื่อมระหว่างยอดเขาตรง pipila momument กับหมู่บ้านทางด้านล่าง ราคาค่าตั๋วอยู่ที่ 30 peso ต่อหนึ่งขา ถือว่าไม่แพงเลย

? ถ่ายรูปอาร์ตๆ กับศิลปะรูปวาดตามตรอกซอกซอย

อย่างที่เกริ่นไว้เมืองนี้มันเป็นเมืองอาร์ตถ้าคุณเดินดีๆคุณจะไปป๊ะกะทางเดินที่เกร๋ๆที่มีรูปวาดหลากสีตามฝาผนังแบบนี้

เวลาที่เหมาะสมกับการไปถ่ายรูปคือตอนสายๆเพราะตอนบ่ายแสงเข้มมากถ่ายไปติดเงาดำๆ ไม่โอเลยจ่ะ เช้าไปก้อยังมืดอยู่เพราะตรอกซอกซอยที่นี่แคบมากจิงๆ

? เดินชิวๆ ชมเมือง และหาร้านนั่งจิบชา outdoor เกร๋ๆ

ถ้าคุณได้เริ่มก้าวเท้าเข้าเมืองนี้แล้วหล่ะก้อ คุณจะพบว่าตัวเอง อาจจะหลุดเข้าไปอยู่ในยุคยุโรปเก่าแนว colonial style ที่มีการออกแบบมาอย่างดี ในส่วนกลางเมืองจะมี plaza และ square  อยู่มากมาย ดังนั้นคุณสามารถเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ เหนื่อยก้อหยุดพักได้ตลอดเวลา

แม้แต่ balcony ที่นี่ ยังทำซะน่ารักเลย คือ…มันดีย์อ่าาาา ?

? หาประตูสีฟ้าให้เจอ!!!

ประตูฟ้าหรือ The Blue Door ถามว่ามันสำคัญไฉน ตอบเลยว่า … ไม่รู้! แต่มันกลายเป็น quest เล็กๆ สนุกๆ ของคนที่มาเยี่ยมชมเมืองนี้ที่จะต้องตามหาประตูฟ้าที่ว่าให้พบ ด้วยการเดินเข้าไปตามตรอกซอกซอยในเมืองแห่งสีสันนี้

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ก้อจะนิยมมาถ่ายรูปคู่กับประตูนี้จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของการมาเมืองนี้ ถ้าเอาไป search ใน google map ก้อจะเจอเจ้าประตูสีฟ้านี่เช่นกัน ระหว่างที่เราแรลลี่หาประตูฟ้านั้น ตึกรามบ้านช่องระหว่างตรอกซอกซอยก้อมีสีสันไม่แพ้กันเลยทีเดียว

? ท้าทายความน่ากลัวที่ Mummy Museum

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือการไปดู mummy ? ของจริงที่ถูกขุดมาจาก Santa Paula Pantheon ซึ่งมีมากกว่า 100 ตัว!! ที่นี่ไม่ค่อยเหมือนที่อื่นตรงที่เค้าแกะผ้าให้ดูเลยมีหลากหลายแบบทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่และอธิบายสัณษฐานการตายของแต่ละตัวด้วยอืมมมม…ก้อกรุณากินข้าวไปก่อนละกันเด๋วจะหาว่าไม่เตือน ?

? เยี่ยมชมโบสถ์รอบเมือง

เมืองนี้มีโบสถ์คริสเตียนคาทอลิคค่อนข้างเยอะโดยส่วนมากจะสร้างแบบ baroque Latin America  style ตัวอย่างเช่น Templo de la Compañía ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าที่ใจกลางตัวเมือง Guanajuato

? Enjoy Live Music ที่ Jardin de la Union

ถ้าคุณมีเวลามากพอ สำหรับผู้ชื่นชอบเสียงดนตรี ในเมืองแห่งนี้ยังมีโรงดนตรีที่ทำการเปิดแสดงทุกๆ อาทิตย์ โดยเฉพาะในวันศุกร์ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมิถุนายน ราคาก้ออยู่ในช่วงที่รับได้ คือประมาณ 80 peso ต่อคน

หรือแม้แต่การนั่งชิวที่ม้านั่งกลาง city square ชม street show แบบฟรีๆ ที่มักจะมาทำการแสดงหน้า Jardin de la Union ซึ่งมีทั้งมา solo หรือมาเป็นวง ก้อดูเป็นการใช้เวลาพักผ่อนแบบคูลๆ เช่นเดียวกัน

? Take a short trip to San Miguel

ใกล้ๆ กับ Guanajuato นั่งมีอีกเมืองที่ห่างไปไม่ไกลเกิน 1.5 ชั่วโมง นั่นคือเมือง San Miguel นั่นเอง เมืองนี้ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบ colonial คล้ายๆ กับที่ guanajuato แต่จะ touristy มากกว่านิดนึง และด้วยเหตุนี้ เราจึงพบว่าของกินของใช้ที่นี่ อาจจะแพงกว่าที่ Guanajuato นิดหน่อย แต่ความสวยของเมืองนั้น ไม่แพ้กันเลย

ก้อประมาณนี้นะฮะทุกคน เมืองกวานาฮวาโตเป็นเมืองสีสันสดใส และมีความอาร์ตในทุกๆ ส่วนของเมือง จริงๆ แล้ว นอกจากความสวยงามที่ได้กล่าวไปแล้ว เมืองนี้ยังมีอีกมุมนึงที่เรายังไม่ได้มีเวลาไปสัมผัส นั่นคือส่วนของเหมืองแร่เก่า ที่อยู่ใต้ดินลึงลงไป ซึ่งคุณสามารถหาทัวร์เหมืองแร่ได้ตามสถานที่เที่ยวต่างๆ อย่างง่ายดาย เสียดายจริงๆ เวลาน้อยไปหน่อย ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวที่เม็กซิโก ก้ออย่าลืมหาโอกาสมาเที่ยวเมืองนี้ด้วยน้าาาา recommend จ่ะ ?

Amy Yu

สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว “ผิดถนัดค่ะ” ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ 🙂 กริรกริ