รีวิว Japanese Suite – The Ritz Carlton Osaka

 

ยังคงคอนเซป กินหรูอยู่สบายเช่นเดิมกับเรา OntheroadStory~~ ? ไป Osaka ครั้งนี้ เราก็อัพเกรดความไฮโซขึ้นไปอีกค่ะ เพราะเราไปอยู่กันที่โรงแรมสุดหรูอลังการดาวล้านดวง ?กลางเมืองโอซาก้า แถมยังเป็นห้องสวีทแนวญี่ปุ่น ?? ว้าวๆ ห้องเสื่อทาทามิบนตึกสูงกลางกรุงโอซาก้า ซึ่งเป็น category ที่รองลงมาจาก The Ritz Carlton Suite (category สูงสุด) เท่านั้นเอง โดยที่ทั้งโรงแรมมีห้อง type japanese Suite แบบนี้เพียง 2 ห้อง!! (ราคาจากเวบก็อยู่ที่ประมาณ 90,xxx JPY ต่อคืน ในวันธรรมดาปกติ) แน่นอนว่าความ Exclusive ระดับนี้ เราไม่ได้แลกมาด้วยเงิน (เช่นเดิม) 5555 แต่เราใช้ point และเส้นแลกมาคร่าาา!! ? ส่วนการแลก ทำยังไง ไปมาดูกัน~~

 

☝️เราใช้ point ของ Marriot rewards ในการแลกห้องจำนวน 2 คืนที่นี้ โดยจำนวน point ที่ให้ในการแลกคือ 50,000 points ต่อ 1 คืน ซึ่งก่อนหน้านั้น เราได้อธิบายการสะสม point ไปแล้วบางส่วนในโพสห้องสวีทของเรา (ใครสนใจ อ่านได้ที่นี่) โดยปกติ การเลือกว่าจะเอา point ไปแลกอะไร ขึ้นกับความคุ้มค่าของ point ซึ่งจากการประเมินแล้ว แลกที่นี่ เวลานี้ ถือว่าคุ้มมาก เพราะราคาห้องต่อคืนในช่วงที่เวลาที่เราไป (เทศกาลโอบ้งพอดี) มีราคาแพงลิบลิ่ว (คือละ 15x,xxx JYP ต่อคืน บ้าไปแร้ว) เราจึงตัดสินใจใช้ point แลกแทน ข้อดีของการใช้ point แลกก็คือมันจะรวมค่า service และ tax ทุกอย่างโดยที่คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเลย ยิ่งเป็นที่ญี่ปุ่น ซึ่งโรงแรมปกติจะคิดราคาห้องตามจำนวนคนที่เข้าพัก ซึ่ง 1 คนกะ 2 คน ราคาห้องก็จะไม่เท่ากัน การใช้ point แลกนี่ก็ถือว่าคุ้มมาก เพราะจำนวน point ที่ใช้แลกจะเท่ากันทั้งสองกรณี

 

 

ถ้าทุกคนจำได้ ปกติแล้ว คนที่เป็น platinum member จะได้อัพเกรดเป็น standard suite based on availability แต่ครั้งนี้เราใช้เส้นของคุณชาย เพราะนางรู้จักมักจี่กะ GM ของโรงแรม ฮาาาา สุดท้ายเราจึงได้ห้อง Japanese Suite 1 คืน และห้อง club suite อีก 1 คืน แทนที่จะเป็นแค่ Junior suite ซึ่งเป็น 1st suite category พร้อมกับ club benefit สำหรับ 2 ท่านเพื่อจะได้ไป enjoy อาหาร 5 มื้อ และ afternoon tea ใน lounge สวยๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่เยนเดียว เป็นไง เท่ห์ช่ะ ? room access card ของห้อง club ก็จะใช้เป็นสีดำ แทนที่จะเป็นสีขาวเหมือนห้องทั่วไป วันหลัง เราจะมาอธิบายกันว่า marriot points เหล่านี้เอาไปใช้อะไรได้บ้างนะคะ

 

ในส่วนของตัวโรงแรม facility และอื่นๆ เราจะไม่พูดมากไปกว่านี้ เพราะมันมีชื่อ Ritz carlton การันตีความหรูอยู่แล้ว และก็มีหลายคนทำ รีวิวโรงแรมไปในพันทิปเยอะแล้ว (ไป search หาเอาได้) แต่เท่าที่เห็นยังไม่มีคนรีวิวห้อง japanese suite และ club suite  เราก็เลยเอาภาพและบรรยากาศสุด exclusive ของทั้งห้องสองแบบนี้มาฝากกันเด้อ

Japanese Suite

 

 

เริ่มจากทางเข้าห้อง ซึ่งห้อง Japanese suite ทางเข้าจะแยกกับห้องปกติทั่วไป เพราะเมื่อออกจากลิฟท์ เดินไปเรื่อยๆ จากพรมดีๆ จะมีประตูไม้ๆ กั้นแบบนี้ ด้านในประกอบไปด้วยห้อง Japanese Suite ติดกัน 2 ห้อง

 

 

เมื่อเปิดเข้าไปจะเป็นพื้นหินๆ คือเค้าตั้งใจทำให้เหมือนบรรยากาศญี่ปุ่นเเก่า หน้าห้องก็ใช้ประตูไม้แบบนี้ค่ะ เห็นเป็นประตูไม้แบบนี้ เวลาเข้าต้อง scan บัตรเข้าเหมือนกะห้องปกติทั่วไปนะคะ เปิดมาด้านในก็จะมีส่วนของ Foyer ก้อตามแบบบ้านโดราเอม่อนเปี๊ยบ มีส่วนถอดรองเท้า ถอดเสร็จก็ขึ้น 1 step เข้าบ้าน

 

 

ติดกันส่วน Foyer จะเป็นห้อง powder room ค่ะ เห็นห้องธีมญี่ปุ่นจ๋าแบบนี้ ฝาสุขภัณฑ์นี่เป็นแบบเปิด auto นาจา

 

 

ผ่านส่วนของ foyer เข้ามาจะเป็นโถงทางเดินซึ่งจะเชื่อระหว่างห้องนั่งเล่นหรือรับแขก ห้องนอน ไปจนถึงห้องแต่งตัวด้านใน พื้นเป็นไม้หมดค่ะ

 

 

ในส่วนของห้องรับแขก ก็จัดเป็นห้องขนาด 8 เสื่อ ซึ่งถือว่าจัดไว้กว้างใหญ่มาก  มีโต๊ะญี่ปุ่นขนาดนั่งได้ 4 คนวางอยู่กลางห้อง พร้อมกับเก้าอีและที่พักแขน ว่ออออ นอกจากนั้น เค้ายังมี welcome gift ให้เราเป็นสาเกและ wagashi มาในปิ่นโต 3 ชั้นน่ารักๆ ประทับใจจอร์ชมากๆ

 

 

 

เห็นห้องแนวญี่ปุ่นแบบนี้ คุณพ่อโนบิตะก็ต้องมีทีวีไว้ดูเบสบอลด้วยสิคะ ท่านผู้โชมมมม

 

 

ในส่วนของโต๊ะวางทีวีก็จะมีช่อง USB ปลั๊ก และช่องเสียบ HDMI อย่างละช่อง ใกล้ๆ กันจะมีตู้เก็บของแบบที่โดราเอม่อนเอาไว้นอน ซึ่งเค้าเอาไว้เก็บฟูงสำหรับปูที่นอนค่ะ

 

 

ห้องติดกันจะเป็นห้องนอนค่ะ จริงๆ แล้วห้องนี้สามารถจุคนได้ถึง 4 คน ดังนั้น ที่นอนก็จะมีมาให้ 4 ที่รวมทั้งของเครื่องใช้อื่นๆ พวกผ้าเช็ดตัว amenity รองเท้าแตะ และอื่นๆ ก็จะมาแบบ 4 set เช่นกัน

 

 

ที่ติดกันกับห้องรับแขกจะมีประตูกั้นไปส่วนของห้องนอน ซึ่งก็เป็นขนาด 8 เสื่อเช่นกัน ในระหว่างที่เราออกไปทานข้าวเย็น กลับมา คุณแม่บ้านก็จัดการปูที่นอนให้เราเรียบร้อย

 

 

ในส่วนของห้องนอน ด้านหนึ่งจะเชื่อมกับห้องรับแขก ด้านหนึ่งจะเชื่อมกับโถงยาวไปถึงห้องน้ำและห้องแต่งตัว และอีกด้านหนึ่งของห้องนอนจะเชื่อมไปสู่ห้องเล็กๆ ซึ่งเราขอเรียกว่าเป็นห้องชมวิวค่ะ

 

 

ห้องนี้อยู่ในส่วนของมุมตึก ติดกับหน้าต่าง ก็จะได้วิวเมืองโอซาก้ามุมสูงไปโดยปริยาย วิวตอนกลางคืนจากมุมนี้ก็ไม่เลวเลยนะ

 

 

มาดูส่วนห้องแต่งตัวกันบ้างค่ะ ซึ่งเมื่อเดินจากโถงเมื่อกี้ ก็จะเชื่อมมายังส่วนห้องแต่งตัว ส่วนนี้จะมี mini bar ด้วย

 

 

อ้อ ลืมบอกไปว่า ห้องนี้จะมีชุดนอนให้คุณเลือกใส่ 2 แบบนะคะ คือแบบปกติที่เราใส่ๆ กัน

 

 

และก็แบบยูกาตะ

 

 

ซึ่งทั้งสองแบบ จะจัดมาให้ 4 ชุดด้วยกัน ก็เลือกตามชอบเลยเด้อ ต่อมาจะเห็นส่วนของห้องน้ำ ก็จะมีส่วนโต๊ะแต่งหน้าและส่วนของอ่างล้างหน้าแยกกัน

 

 

ส่วน amenity ของที่นี่ใช้ของ asprey ค่ะ ซึ่งถ้าใครชอบยี่ห้อนี้ก็สามารถหาซื้อได้จาก shop ด้านล่างของโรงแรมได้เลย

 

 

และแน่นอนค่ะ ไฮไลท์อีกอย่างของห้อง Japanese Suite ก็คือ….ห้องอาบน้ำนั่นเองงงง เพราะเค้าจัดห้องอาบน้ำแบบญี่ปุ่นที่ต้องนั่งบนเก้าอี้ซักผ้า  พร้อมอ่างแช่ขนาดใหญ่มาให้คุณเลยทีเดียว คือยัดไปสี่คนยังสบาย เป็นไงหล่ะคะ แบบนี้ก็เหมือนคุณได้ experience การอาบน้ำแบบออนเซ็นส่วนตัว แก้ผ้าโดยไม่สนใจใครสบายๆ แต่กว่าน้ำจะเต็มนี่ เปิดไว้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว คุณชายถึงกับบ่นว่า ประเทศอัฟริกาเค้าไม่มีน้ำใช้ เราสองคนนี่อาบน้ำที ใช้น้ำเท่ากะรถดับเพลิง ….แหม อะไรจะมารักโลกกันตอนนี้คะคูณ~~~~~~

 

 

 Japanese Suite Overall Impression

สำหรับห้อง Japanese Suite นี้ ขนาดพื้นที่ก็อยู่ที่ประมาณ 100 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็น size ห้องที่หายากในเมืองใหญ่แบบนี้ในญี่ปุ่น ถือเป็นประสบการณ์การนอนโรงแรมดีๆ ครั้งหนึ่ง แต่…. ข้อเสียของห้องนี้ก็มี เช่น เนื่องจากมันเป็นห้องเสื่อทาทามิ ปลั๊กที่เสียบชาร์ตอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ มันก็เลยต้องอยู่ตามผนัง ถ้าสายคุณไม่ยาว คุณก้อต้องลุกขึ้นไปมา บ่อยๆ มากก็เมื่อย ปวดหลัง และด้วยความที่ห้องมันใหญ่มาก เก็บของทีก็เหนื่อย ยิ่งอีคุณชายถอดเสื้อวางตรงนู้นทาง ตรงนี้ทาง ตามเก็บกันไปสิคะ และข้อเสียสำคัญอีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ ฟูกที่นอนค่ะ ใช่แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นฟูตองของ Ritz Carlton แต่มันก็สู้เตียงแบบปกติไม่ได้อยู่ดี!!! นั่นเลยเป็นเหตุผลว่า วันต่อมา เราจึงขอย้ายสำมะโนครัว ไปห้องที่เป็นเตียงนอนธรรมดากันค่ะ 55555 เอาเป็นประสบการณ์คืนเดียวพอเน่อ

 

Club Suite

พูดถึง Ritz Carlton ใครๆ ก็ต้องพูดถึงเตียงอันไฮโซ หลับสบายหาใครเปรียบไม่ได้ ซึ่งเราไปนอนฟูตองอยู่คืนนึง ก็รู้เลยว่ามันไม่ใช่! เราต้องการเตียงที่นุ่มนิ่มหลับสบาย มากกว่านอนฟูกบนเสื่อทาทามิ วันต่อมาเราก็จัดการให้พนักงานเราย้ายสำมะโนครัวเรา มายังห้องปกติ ซึ่งเป็นห้อง Club Suite ดังนั้นเราจึงมารีวิวห้องนี้เป็นของแถมให้ทุกคนกันนะคะ

 

 

จริงๆ แล้ว club Suite ก็คือ executive suite ที่มาพร้อมกับ club benefit ซึ่งสามารถ access club lounge ได้ โดยที่ห้องนี้จะมีเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 77 ตารางเมตร ซึ่งก็ยังถือว่าใหญ่มากอยู่ดี จริงๆ บัตรเข้าห้องจะเป็นสีดำเหมือนกันนะคะ แต่สีขาวอันนี้ขอมาเป็นทีระลึก กิกิ

 

 

เปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็จะเป็นมุมวางของเล็กๆ ติดกับห้อง powder room ส่วนถัดมาจะเป็นส่วนห้องรับแขก การตกแต่งก็เป็นแนว ritz carlton เลย ชอบๆ 

 

 

บนโต๊ะ coffee table มาพร้อมกับ welcome gift ซึ่งเป็น peach 2 ลูก และ Macaroons มาในกล่อง ritz carlton สีแดง สวยงามเว่อ

 

 

ช่วงที่เรามา ถือเป็นหน้าร้อนของญี่ปุ่น ดังนั้นจึงเป็นหน้าพีช ทางโรงแรมจัดพีชเกรดไฮโซมาให้เราคนละลูก แต่คุณชายเหมาหมดคนเดียวสองลูก นางกินเสร็จค่อยมาบอกว่า เป็นพีชที่อร่อยที่สุดในชีวิตนางละ …. เอิ่ม ช้าไปมั้ย

 

 

มีโต๊ะทำงานเล็กแนวยุโรปๆ อยู่ 1 set ก็ถือเป็นส่วนตกแต่งห้องไป ไม่ได้ใช้ค่ะ 5555

 

 

ในส่วนของ minibar ก็จะมีให้ประมาณนี้ มีไม่เยอะเท่าห้อง Japanese Suite แต่ก็ครบเครื่องอยู่

 

 

ที่เชื่อมกับห้องรับแขกจะเป็น walkin closet  ค่ะ ที่จะมีประตูเชื่อมไปยังห้องนอนและห้องน้ำ มาแล้ว~~~~~~ เตียงนอน Ritz Carlton Signature นุ่มนิ่ม หลับสนิท ตลอดคืน (สโลแกนเหมือนผ้าอนามัยบางยี่ห้อ) 

 

 

 

แน่นอน อยู่ห้องนี้ เราจะไม่มีปัญหาปวดหลังจากการลุกนั่งเสียบปลั๊กอีกต่อไป ฮาาาาา มาดูห้องน้ำกันบ้างเล็กน้อย เข้าไปก็หินอ่อนสีขาวดูดีมีตระกูล อ่างล้างมือก็เป็น his & her แบบนี้ค่ะ ด้านในจะมีส่วนที่เป็น shower box และส่วนที่เป็น baht tab แยกกัน นอกจากนั้นก็จะมีห้องสุขาอีกห้องนึงอยู่ด้านในด้วย

 

 

Amenity ก็ของ ​Asprey เหมือนกัน แต่ให้มาแค่ 2 set เป็นปกติ

 

 

Club Suite Overall Impression

สำหรับเรา (และเดาว่าจองคนส่วนใหญ่) ห้องนี้ค่อนข้าง Practical กว่าห้อง Japanese Suite เยอะ อ่าาา ก็แน่นอนป่ะ 5555 ไม่มีที่จะติอะไร นอกจาก ทำไมให้พีชแค่ 2 ลูก?  จะเลือกแนวญี่ปุ่นหรือแนวโมเดิร์น ก็แล้วแต่ชอบนะคะท่านผู้ชม

 

 

? สำหรับตัวโรงแรม The Ritz Carlton นี่ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีโอซาก้าเลย จากสถานีโอซาก้าจะมีอุโมงค์ใต้ดินเชื่อมเข้าไปยังโรงแรมเลย แต่จะเดินไกลหน่อยจ๊ะ ประมาณ 700 เมตร สำหรับ club floor guest ของโรงแรม ใครไม่สะดวกเดิน สามารถใช้บริการรถ limosine ?ของโรงแรมได้ฟรีจ่ะ (First Come First Serve) ภายในรัศมี 2 กิโลเมตรจากโรงแรม แต่ยังไงก็ตาม location นี้คือติดห้างและร้านค้าทุกอย่างที่คุณสามารถ imagine ได้ คือมี list ซื้อของอะไรก็หาได้จาก location นี้ สะดวกมากเว่อ

สนใจจอง เราแนะนำว่า จองจาก http://www.ritzcarlton.com/en/hotels/japan/osaka ตรงๆ เลยดีสุด (อันนี้ไม่ได้ค่าคอมใดๆ แค่บอกต่อของดี) ใครที่มีแพลนไปโอซาก้า และเป็นผู้หลงใหลการพักผ่อนในโรงแรมสุดอลัง ใจกลางเมืองโอซาก้า Locationใกล้ที่เที่ยวที่ช้อปที่กิน เราก็ขอแนะนำแรงๆ ว่า ที่นี่ น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของคุณ

Amy Yu

สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว "ผิดถนัดค่ะ" ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ :) กริรกริ

Recommended Articles

This error message is only visible to WordPress admins

Error: No feed found.

Please go to the Instagram Feed settings page to create a feed.