รีวิวล่องเรือ Royal Caribbean – Spectrum of the Seas ห้อง Grand Loft Suite ห้องละ 2.5 แสน!!

ฮัลโหลเพื่อนๆ ชาว on the road story ทุกคน มาคราวนี้ ขอเปลี่ยน concept เป็น on the cruise story แทนนะคะ อิอิ เพราะว่าวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาลงเรือสำราญกันค่า~~~ ฮาาาา ใครที่เข้าใจว่า ต้องเป็นผู้สูงอายุ หัวขาว เดินกะย่องกะแย่ง เคี้ยวน้ำหมาก มีตังค์เก็บเยอะๆ เท่านั้น ที่ชอบมาเที่ยวแบบนี้ ผิดถนัดเลยนะคะ เพราะเรือสำราญสมัยนี้ มันไฮโซโบว์ใหญ่ไฟกระพริบ ทั้งใหญ่ ทั้งยาว (ทำไมฟังดูเสื่อมๆ) มีกิจกรรมและเครื่องเล่นมากมาย เหมือนเป็นเกาะสวรรค์ลอยน้ำดีๆ นี่เอง เอาเป็นว่า หนุ่มสาววัยเฟี้ยวฟ้าวยังติดใจ ของเล่นเยอะจนเล่นไม่หมดในทริปเดียวจริงๆ มาค่ะ ไปลงเรือกัล~~~ 

ไปลงเรือกัล~~~~

The Ship

เรือลำที่เราจะนั่งกันวันนี้นะคะ ชื่อ Spectrum of the Seas ซื่งเป็นเรือที่ใหญ่และลำใหม่ล่าสุดในทวีปเอเชียของบริษัท Royal Caribbean นั่นเอง ทริปที่เราจองมาครั้งนี้ จะ ออกจากท่าเรือที่ Singapore Marina Bay Port เราจึงต้องบินมาลงที่ Singapore ก่อน เพื่อมาขึ้นเรือ ส่วน route ที่เรากำลังจะล่อง จะเป็นออกจากที่ singapore > ปีนัง > ภูเก็ต > singapore รวมแล้ว 5 วัน 4 คืนค่ะ ส่วนคนที่สนใจ route อื่น ให้เข้าไปดูในเวบได้นะคะ เห็นบาง route ล่องไปถึงโฮจิมิน (แวะที่ไทยด้วย along the way) มีบาง route ไปถึงญี่ปุ่นก็มีค่ะ

สำหรับเรือ spectrum of the Seas ลำนี้นะคะ ขอเท้าความนิดนึงคือ เรือลำนี้ตอนแรก สร้างขึ้นมาเพื่อตลาดจีนโดยเฉพาะ จะสังเกตได้ว่า ป้ายบอกทางบนเรือนี้มีภาษาจีนควบคู่กับภาษาอังกฤษตลอด staff ส่วนใหญ่ก็เป็น chinese speaking crew แม้แต่ร้านอาหารเดิมก็ design ให้มีร้านอาหารจีนเป็นส่วนใหญ่ เมนูอาหารนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ติ่มซำ ซาลาเปา ฮะเก๋า ขนมจีบ มาแบบจัดเต็ม สร้างเสร็จปี 2019 แพลนว่าจะ set sail ที่เซียงไฮ้เป็นหลักค่ะ ปรากฏว่าพอสร้างเสร็จปุ๊บ โควิดระบาดปั๊บ ทำไปทำมา เลยย้ายจุด set sail มาที่ Singapore แทน เราได้ข่าวมาว่าเค้ากำลังจะกลับไปที่ Shanghai เหมือนเดิมเร็วๆ นี้แหละ ใครสะดวกเส้นทาง Singapore ก็รีบมาล่องนะ ไม่งั้นต้องย้ายไปลงเรือที่ Shanghai แทนค่ะ 

ข้อมูลทางกายภาพเล็กน้อย จะได้จิตนาการถูก เรือลำนี้ยาวประมาณ 350 เมตร สูงเท่าตึก 18 ชั้น (แต่ passenger access ได้แค่ 16 ชั้น) แล่นเร็วที่สุดประมาณ 40 km/hr บรรจุคนเต็ม max ได้เกือบ 5 พันคนค่ะ เห็นภาพแล้วใช่มั้ยคะว่ามันมหึมาขนาดไหน ตอนอยู่บนเรือแทบไม่รู้สึกว่าอยู่บนเรือ เหมือนอยู่บนเกาะกลางนี้ดีๆ นี่เองค่ะ

The Stateroom & Suite Category

ประเภทห้องพักหรือที่เรียกว่า stateroom ของ Royal caribbean นั้นจะแบ่งเป็น category ใหญ่ๆ สองแบบคือห้องแบบธรรมดา และห้องสวีท ซึ่ง by default แล้วสิ่งที่แต่งกันระหว่างสอง class นี้คือห้อง suite นอกจากจะมี dedicated check in line ตอนขึ้นเรือแล้ว ภายในห้องพัก ก้อจะมีพวก bathrobe ส่วนตัว เครื่องชงกาแฟ และพวก upgraded toiletties อะไรเทือกนี้ ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะไม่ได้สำคัญขนาดนั้น และในบรรดา suite class ด้วยกันเองแล้ว ใน Spectrum of the Seas นี่เองก็ยังแบ่งต่อได้ถึง 3 ระดับด้วยกันคือ Sea, Sky, และ Star class โดยที่ Star class เป็นระดับสูงสุด (อารมณ์แบบ economy, business, fisrt class) แน่นอนว่า คราวนี้ คุณชายใจดีของเรา ก็ได้ทำการจองห้อง type Grand Loft Suite ซึ่งเป็น suite category Star class สูงที่สุดของเรือลำนี้ มีทั้งหมดแค่ 4 ห้องค่ะ เป็น suite ตัว top 2 รองจากแค่ Ultimate Family Suite ซึ่งเป็นแบบ 2 ห้องนอนและมี slider ในห้องนั่นแหละ (ทั้งเรือมีแค่ห้องเดียว)

LUXURY IS VIP ON EVERY LEVEL

แน่นอนว่า ระดับ  Suite category สูงสุดแบบนี้ (ทั้งเรือมี 2 type รวม 5 ห้อง) ก็ต้องมี privilege พิเศษ ไฮโซที่ไม่เหมือนคนอื่นแน่นอนค่ะ วันนี้เราเลยมาสาธยายให้เห็นว่า เป็น Star Class แล้วมันดียังไง!!!

Star Class Benefits

Royal Genie – บริการนี้ หมายถึงคุณจะมี butler/เลขา ส่วนตัวของคุณเองซึ่งจะ dedicate สำหรับแค่ 2 ห้องต่อหนึ่ง Genie อารมณ์ยักษ์ในตะเกียงวิเศษ ขออะไรเสกให้ ถามอะไรตอบได้ เรียกหาได้ตลอด 24 ชม. Genie เราชื่อ Ellen ค่ะ จะให้บริการเราตั้งแต่ก่อนที่ทริปจะเริม โดยนางจะมา greeting ทาง email ก่อนที่เราจะลงเรือซะอีก ทั้งจะช่วยเรา plan ทริป จอง activity ให้เรา ให้คำแนะนำต่างๆ สั่งอาหาร จองร้านอาหาร สั่ง room service เอาเป็นว่ามีคนใช้ส่วนตัวเลยว่างั้น สุดท้ายนางมีการเตรียมของที่ระลึกให้เราด้วยค่ะ น่ารักมากจริงๆ

Expedite boarding and departure – สำหรับ guest กลุ่ม star class จะมี dedicated lane ตอน onboard ขึ้นเรือด้วยค่ะ ซึ่งปกติแล้ว เราจะไม่ต้องหาช่องเองอยู่แล้ว เพราะจะมี Royal Genie มารับตั้งแต่ drop off area และแน่นอนว่าขาลงเรือก็เช่นกัน ไม่ต้องต่อคิวลงกับคนอื่น จะลงเมื่อไหร่ก็ได้ ก็จะมี Genie เดิน escort พาเราลงเรือ นี่ก็รวมถึงตอนที่เรือไป dock ตาม port ต่างๆ ด้วยนะคะ เป็นอีกประสบการณ์ที่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นประธานาธิบดีหรือ Lisa กร๊ากกก~~~ มีคนแหวกทางให้เดินตลอดเวลา ไอ้เราก็เดินเชิดๆ สวยๆ โบกบัตรชมพูด้วยความมั่นหน้ามั่นโหนกไปเลยสิคะ

All day access to Gold Dining – สำหรับ star และ sky class guest คุณสามารถทานอาหารที่ Gold dining ได้ (ผู้โดยสาร class อื่นจ่ายตังก็ไม่สามารถทานได้นะเออ exclusive มากๆ) ข้อดีของร้านอาหาร gold dining ของเค้าจะเป็นการบริการแบบ fine dining alarcate ทั้งหมด ทุกอย่างสั่งไม่อั้นจากเมนู เสริฟอาหารแบบเป็น course ที่สำคัญ ตำแหน่งที่ตั้งของร้านอาหารจะอยู่หัวเรือชั้นบนสุดค่ะ วิวดีที่สุดแล้วในบรรดาร้านอาหารที่อยู่บนเรือ ยิ่งเป็นอาหารเย็นแล้วหล่ะก็ บรรกาศจะโรแมนติกมากค่ะ เพราะคุณจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกแบบฟินๆ

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราก็เลยเอาภาพอาหารของ Gold dining มาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ แม้มี selection ไม่เยอะ แต่คุณภาพอาหารก็ดีกว่ามาก มีทั้ง scallopes, ปลาหิมะ, filet mignon, lobster ไรงิ ถ้าเทียบกับร้านอาหาร Silver dining นี่คนละเรื่องเลยค่ะ เอาจริงๆ คุณภาพอาหารที่ silver dining นั้น เหมือนกับที่ windjammer (ร้านอาหาร buffet สำหรับคนทั่วไป) เลย คือคุณภาพกลางๆ แถม selection น้อยกว่าเยอะ ข้อดีอย่างเดียวคือไม่ต้องไปแย่งหาที่นั่งกะคนอื่น

ตัวอย่างอาหารจาก Gold dining

Complementary Specialty Restaurant – นอกจากร้านอาหาร buffet ที่คนปกติทานได้แล้ว คุณยังสามารถทานที่ร้าน specialty restuarant ซึ่งปกติต้องเสียตังค์เพิ่ม แต่เราทานได้ฟรีทุกร้านอาหาร ไม่อั้นแบบจุกๆ (ยกเว้น chef table ร้านเดียวค่ะ ที่ต้องเสียตังค์เอง)

Complementary Premium beverages in room – น้ำดื่มในห้อง เป็น Evian, San Bernado เลยค่าาาา ส่วน sparkling นี่ให้เป็น S. Pellegrino เลยค่ะ หรูหราหมาเห่ามาก ทั่นผู้โชมมม จากนั้น soft drink ยังมีให้ไม่อั้น แบบจุกๆ หมดก็ขอใหม่ได้ค่ะ จากที่เห็นในรูปนี่ ยังไม่รวมของที่อยู่ในตู้เย็นด้านล่างอีกนะคะคูณ~~~ ไม่รู้ว่าเป็น standard หรือว่าประชดกันแน่ ให้มาซะขนาดนี้ ว่าจะเอาไปเทอาบเลยมั้ยนะ?

Complementary Deluxe Beverage Package – ทุกร้านบนเรือ เราสามารถสั่ง drink ได้ในราคาไม่เกิน 13$ ฟรี ถ้า drink นั้นเกิน 13$ เราก็จ่ายส่วนต่างเอาเอง แต่เท่าที่เราดื่มมา ก็ไม่มีอะไรเกิน เพราะไม่ได้ดื่มพวกแอลกอฮอล์อยู่ละ เพราะงั้นดื่มยังไงก็ไม่เกิน 13$ แน่นอน

Best seat for all shows – บนเรือเนี่ยะจะมี show ทุกวันค่ะ privilege ของ star class ที่ไม่พูดไม่ได้คือ คุณสามารถเลือกนั่งได้ว่าจะนั่งตรงไหน ใครใคร่นั่งหน้าสุดนั่ง ใครใคร่นั่งตรงกลางนั่ง whatever best seat for you, you can choose! เลือกที่นั่งได้แล้วก็ทำไงคะ? บอก Royal Genie ของคุณค่ะ นางจะทำการจองที่นั่งให้คุณ โดยตรงที่เราจอง จะมีผ้าปูว่าเป็นแขก start class  เด่นมาก 5555 ตอนไปดูก็ไม่ต้องไปต่อคิวร่วมกะคนอื่นค่ะ ตัดคิวเดินเข้าไปสวยๆ เลย (โดนคนเขม็นตลอดทางเหมือนเดิม)

Complementary internet access – อีกบริการเสริมที่คุณสามารถเลือกซื้อ on-top ได้จากราคาค่าห้องปกติ แต่สำหรับ star และ sky class guest แล้วหล่ะก็ internet access ก็จะรวมแล้วค่ะ สำหรับ speed internet นั้นถือว่าไม่เลวเลยค่ะ ดู YouTube ไม่สะดุดอ่ะ conference call ก็สบายๆ โดยเค้าจะให้ access มาคนละ device ถึงคุณมีหลาย device จะต้อง switch กันใช้ค่ะ สำหรับเราต้องทำงาน + con call บนเรือ ก็ไหลลื่นไม่สะดุดค่ะ

⭐ Unlimited laundry และ pressing ไม่จำจัดชิ้นด้วยค่ะ สำหรับใครที่อยู่เป็นเดือนๆ อันนี้สบาย

Priority entrance to onboard activity – Activity อะไรก็ตามบนเรือที่ต้องต่อคิว คุณสามารถลัดคิวเค้าได้ค่ะ ทั้งรถบั๊ม, Sky Pad, Flow rider, ปีนเขา บลาๆ เค้าจะมี wrist band พิเศษสีชมพูของ star class ให้ ไปเข้าคิวไหน ก็เดินไปหน้าสุดเลย เล่นเสร็จ จะเล่นใหม่ก็รออีกรอบสองรอบ ก็เล่นต่อได้ (ถ้าหน้าด้านพอ ฮาาา) อารมณ์เหมือน Fast pass ใน Disneyland นั่นแหละ หลังจาก show wrist band เบ่งเสร็จ ก็จะทำการ skip the line ไปสวยๆ VVIP จริง

Tip is included! – ปกติแล้วเนี่ยะ ตอนที่คุณเลือกจองห้องพักจากเวบไซต์ online ราคาที่คุณเห็นตอนแรกจะเป็นราคาไม่รวมทิปนะคะ ซึ่งตอนสุดท้าย step จ่ายตังค์ จะมีให้คุณเลือกว่า จะจ่ายทิปเลย หรือว่าจะจ่ายตอนลงเรือ ถ้าเลือกจ่ายเลยแล้ว ราคารวมมันก็จะ bump ขึ้นไปอีกประมาณ 17%-18% ค่ะ ถามว่าทำไมต้องจ่ายทิป? อ่ะแน่นอนว่า ยังไงอิเรือนี่ก็สัญชาติอเมริกันเนอะ (แม้ว่ามันจะสร้างที่เยอรมันก็เหอะ) บริการทุกอย่างจะต้องมีทิปเสมอค่ะ แต่ถ้าคุณจองห้องที่เป็น star class แล้วหละก็ ราคาที่คุณเห็นนั้นเป็นราคาที่รวมค่าทิปแล้วนั่นเอง

นอกจากนั้นยังสามารถเข้าไปส่วนพิเศษที่ให้เฉพาะ suite guest เข้าใช้ได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น lounge ร้านอาหาร หรือ balcony deck ส่วนตำแหน่งของห้อง sky class และ star class จะอยู่ชั้น 15 และชั้น 16 ซึ่งเป็นชั้นที่มี activity มากที่สุด ทำให้สะดวกมากในการเดินไปทำกิจกรรมต่างๆ แถมยังมี private lift ใช้สำหรับห้อง suite เพื่อไปยัง Gold Dining หรือ Spa ตรงๆ เลย

The Grand Loft Suite

เริ่มตั้งแต่ตัวบัตรเข้าห้องก่อน ผู้โดยสาร star class จะได้รับ Seapass (สำหรับคนที่ไม่ทราบ Seapass เป็นบัตรที่ใช้ประจำตัวของแต่ละคนบนเรือ บัตรนี้ใช้แทนทั้ง ID, passport, และเงินสด เพราะผูกกับบัตรเครดิตค่ะ) ที่ไม่เหมือนคนอื่นเพราะจะเป็นชมพู~~~~ (พี่ตูนต้องมาแล้วจุดเน้) เห็นเด่นชัดมาแต่ไกล เรียกได้ว่าเป็นบัตรเบ่งนั่นเองค่ะ ฮาาาา

Sky class seapass

คราวนี้มาดูห้อง suite ของเราบ้างนะคะ ห้อง Grand Loft Suite นี้ บนเรือ Spectrum of the Seas มีทั้งหมด 4 ห้อง ทั้งหมดอยู่ deck 15 ตั้งอยู่ใน zone พิเศษที่ต้องใช้บัตร seapass scan ถึงจะเข้ามาได้ค่ะ ดังนั้นจะมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมากเพราะ ผู้โดยสารชั้นอื่นจะไม่สามารถเข้าใน area นี้ได้ค่ะ

Grand Loft Suite

ห้องนี้เป็นห้องแบบ 2 ชั้นสไตล์ลอฟท์ ชั้นล่างมีห้องน้ำ ส่วน dining, living room, และ balcony ที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ชั้นบนเป็นห้องนอนและห้องน้ำอีกห้องนึง สำหรับตู้เก็บของและเสื้อผ้านั้นมีมาให้เหลือเฟือ ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เก็บกระเป๋าและเสื้อผ้าสบายๆ

Balcony
Bedroom on the 2nd floor
Bathroom on the 2nd floor

มี Bathrobe ของ Royal Caribbean ให้ด้วยนะ ส่วน amenity นั้น เค้าใช้ของ Malin + Goetz แบรนด์เดียวกับที่ Le Meridien ใช้เลยค่ะ สำหรับห้องเรา เค้าให้ champaign ของ Royal Caribbean มาขวดนึงด้วยค่ะ

สำหรับส่วน balcony นั้น ก็กว้างขวางมากค่ะ ตั้งเก้าอี้อาบแดด 3 ตัวสบายๆ และด้วยความที่ห้องอยู่ชั้น 15-16 ซึ่งถือเป็นชั้นสูงสุดแล้ว แน่นอนว่าวิวสุดยอด ไม่มีอะไรบังให้หงุดหงิดแน่นอน

รีวิวเร็วๆ ก็คือห้องนี้อยู่สบายหายห่วง ทั้ง mattress และ linen ที่ให้มาก็ไม่เหมือนห้องธรรมดานะคะ เป็นแบบ luxury สำหรับเราที่ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย ก็ถือว่าใช้ห้องคุ้มอยู่ แต่สำหรับคนอื่นที่ตั้งใจมาเที่ยวนั้น ส่วนตัวคิดว่าช่วงเวลาอยู่ในห้องไม่น่าจะเยอะ (เพราะกิจกรรมบนเรือเยอะจริง) ก็อาจจะคิดว่าไม่น่าคุ้มก็ได้ 555 แถมพอไป dock ตาม port ต่างๆ ก็ต้องลงเรือไปเที่ยวอีก เพื่อนก็ลองพิจารณาดูนะคะ ว่าแบบไหนคุ้มกว่ากัน

สำหรับค่าเสียหายของห้อง Grand Loft Suite นั้น คิดเป็นประมาณ 7,500 USD หลังภาษี ราคาเบาๆ สำหรับ 2 คนในทริป 5 วัน 4 คืนค่ะ (เบ้ปาก มองบน ด่าได้ แต่อย่าแรงมาก ฮาา) แต่เพื่อนๆ ต้องคิดว่า ราคานี้คือได้ privilage และ premium service ของ Sky class อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วนะคะ

The Activities

ต้องออกตัวก่อนเลยว่า อยู่บนเรือ 5 วันนี้ไม่ค่อยมีช่วงเวลาว่างเลยค่ะ หนังสือที่อุตส่าห์พกมาอ่านนี่แทบไม่ได้หยิบออกมา เพราะกิจกรรมบนเรือเยอะจริงๆ เหตุผลหลักๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาคือเพราะมีงานติดตัวค่ะ 555 ยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพเนอะ และเข้า conference call ด้วย ทำให้เวลาทำกิจกรรมเลยน้อยเข้าไปใหญ่ ตารางแน่นมากค่ะ แต่โชคดีที่เราเป็น star class มี Genie จัดตารางกิจกรรมให้เรา เป็น personal planner ให้ แถมแต่ละกิจกรรมคือเราไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวเลย ทำให้เราประหยัดเวลาไปได้เยอะ

อันนี้คือสระ out door ใหญ่สุดบนเรือ ด้านข้างๆ มี screen ขนาดยักษ์ ไว้ดูหนังกลางแปลงได้ 555

กิจกรรมบนเรือที่คนนิยมเล่นกันนอกจะพวกสระน้ำที่มีให้มาหลายสระเหลือเกิน ทั้งสระเด็ก สระผู้ใหญ่ จากุชชี่ รวมไปถึงพวกสไลเดอร์ต่างๆ นอกจากนั้นก็จะมี bumper car ที่เห็นจะเป็นกิจกรรมที่คนต่อคิวยาวสุดแล้วค่ะ นิยมเล่นตั้งแต่เด็กจนถึงคนชรา 555

🪂 RipCord by iFLY – หรือ Sky diving simulator นั่นเองค่ะ กิจกรรมนี้ คนก็นิยมเล่นเหมือนกันนะคะ ทั้งเด็กจิ๋ว เด็กเล็ก เด็กโต และผู้ใหญ่ 555 เป็นกิจกรรมที่ปกติต้องเสียตังค์เพิ่ม แต่ของ star class guest ก็ฟรีค่ะ (รวมกะค่าห้องไปแล้วแหละ เราว่า) ถามว่าควรลองมั้ย? เอาจริงๆ เราว่าไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เพราะคนอย่างเราๆ คือยังไงคะ? เล่นไม่ค่อยเป็นไงคะ เข้าไปใน Tube ก็จะฟลายแบบด๊อกๆ แด๊กๆ ไปค่ะ ส่วนคลิปที่เอาให้ดูนี่คือ instructor ค่ะ เป็น professional skydiver ก็จะฟลายได้ผาดโผน ลีลาเด็ดดวงไป แต่ใครที่อยากได้ประสบการณ์ลอยได้ ก็ไปลองดูได้ค่ะ จะมีวีดีโอสอน basic การทรงตัวใน Tube และก็จะมี instructor เข้าไปช่วยจัดท่าตอน fly ค่ะ

🎙️ Karaoke – ใครเป็นสายร้องเพลง ก็ไม่ควรพลาดกิจกรรมคาราโอเกะนะคะ ซึ่งจะมีแบบขึ้นเวทีร้องให้ชาวบ้านเค้าฟังที่บริเวณ Star Moment อันนี้ฟรีค่ะ ถ้าคุณมั่นใจในน้ำเสียงอันทรงพลังคุณ หรือจะเป็นห้อง private ที่จะต้องมีการลงชื่อจองห้องล่วงหน้า อันนี้ต้องเสียตังค์นะคะ ยิ่งดึก ค่าห้องยิ่งแพง สำหรับคนที่ชอบร้องเพราะแต่ไม่ชอบโชว์ 5555

🎰 Casino Royale – กิจกรรมนี้ popular สำหรับคนเอเซียแน่นอนหล่ะ 5555 ทั้ง Poker, Black jack, Roulette, Slot Machine ต่างๆ นาๆ มาครบค่ะ ใครอยากเสียตังค์ เอ้ย! อยากหาค่าเครื่องบินกลับบ้านก็เชิญมาเสี่ยงดวงทางนี้ได้เลยค่ะ

🏃‍♀️ สำหรับสายสุขภาพชอบ jocking หรือเข้า gym ก้อมีสถานที่ครบถ้วนค่ะ ทั้งบน deck ที่จะมี track วิ่งรอบเรือ รอบนึงก็ไกลอยู่นะ น่าจะเกือบเท่าสนามบอลได้ ส่วน gymnasiam จะอยู่ส่วน spa ค่ะ

🏄‍♀️ Flow rider – อีกกิจกรรม popular ที่คนต่อคิวตลอดเวลา คงหนีไม่พ้น flow rider อันนี้นี่เอง ซึ่งกิจรรมนี้ ถ้าเป็นแบบ basic เค้าจะให้นั่งเล่น หรือนอนเล่นบนบอร์ด ไม่เสียตังค์ค่ะ แต่ถ้าจะเล่นแบบยืน จะต้องซื้อแบบ ultimate package ชั่วโมงละ 69 USD ซึ่งจะเป็น small session แบบมีครูสอนและคนเล่นไม่เกิน 6-8 คนเท่านั้น

Flow rider

🏓 Table tennis – ทุกคนคงทราบใช่มั้ยคะว่า กีฬานี้ แทบจะเป็นกีฬาประจำชาติของชาวจีน ซึ่งแน่นอนว่า โต๊ะปิงปองที่ให้มา 3-4 โต๊ะนั้น ไม่เคยว่างค่ะ มีคนจับจองตลอดเวลา เพราะผู้โดยสารเกือบทั้งลำ เป็นชาวมาเลย์และสิงคโปร์ (ก็ถือว่าเชื้อสายจีนเนอะ) แต่ถือว่าเป็นกิจกรรมสานสัมพันธ์ที่ดีนะคะ ทั้งในครอบครัวและในกลุ่มผู้โดยสารด้วยกัน เล่นกันแบบจริงจังมาก คิดว่าถ้าจัดเป็นทัวร์นาเม้น น่าจะสนุกเลยทีเดียวค่ะ ส่วนเรานั้น อาศัยว่าเป็นกลุ่มผู้โดยสารที่เข้าเป็นกลุ่มแรกๆ โต๊ะปิงปองยังว่างอยู่ ก็สวมวิญญาณพี่ตูนไปสิคะ รอรัย? 🙂

North Star – นี่คือกระเช้าลอยฟ้าดีๆ นี่เอง ใครที่เคยขึ้น London Eye เนี่ยะจะได้ feel คล้ายกันเลยค่ะ เพราะมันจะเป็น pod ที่เราเข้าไปอยู่ข้างใน แล้วมันจะมีก้านยกอี pod นี้ขึ้นแล้วหมุนๆ ชูมือขึ้นโบกไปมา เทือกนั้น แล้วเราก็จะได้เห็นวิวรอบเรือ 360 องศา

นอกจากกิจกรรมที่เอ่ยมาแล้วข้างต้นยังมี Skypad, Silient disco, Bingo, ปีนเขาเทียม, Quiz ต่างๆ รวมถึงตู้เกมส์ โอ๊ย~~~ บอกเลยว่า 5 วัน 4 คืนที่อยู่บนเรือ เล่นไม่หมดคร่าาาาา

The Shows

Onboard Shows

อีกกิจกรรมบนเรือที่ห้ามพลาดคือ show ค่ะ ทุกวันตอนเย็น จะมี stage show ซึ่งบางวันจะมี 2 โชว์ บางวันจะมี 1 โชว์ แต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย คือถ้าพลาดก้ออดดูไปเลยค่ะ โชว์เค้าแต่ละวัน ก็ไม่ธรรมดานะคะ เป็น production show แสง สี เสียง โชว์มายากล โชว์จาก Ukrain got talent ไรงี้ แม้ว่าจะไม่ได้ตระการตาเหมือนที่ Las Vegas อันเนื่องมาจากสถานที่อาจจะเล็กไปนิด แต่คุณภาพ และความตื่นเต้น ไม่แพ้กันแน่นอนค่ะ อันนี้คือห้ามพลาดๆ โชว์ที่เราชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นเต้นเปิดกระโปรงจาก Show Girls ค่ะ ชอบๆ

ปล. นักมายากล Zlwin Chew ชาวมาเลย์ หุ่นแซ่บมาก 🔥 แนะนำให้ไปดูโชว์มายากลนะคะ 5555


The Bridge

Bridge ในที่นี้ ถ้าใช้บนเรือ ความหมายจะคล้ายๆ กับ cockpit บนเครื่องบินนั่นแหละ ซึ่งจะเป็นส่วน command center ที่ใช้ขับเรือ Spectrum of the Seas ลำนี้นี่เอง เฉพาะ star class guest เท่านั้นที่จะได้สิทธิเข้ามาเยี่ยมชมในส่วนนี้ โดยจะมี officer มาอธิบายรายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่เรือสร้างยังไง สร้างจากที่ไหน มีพนักงานขับกี่คน วิถีการล่องเรือเป็นอย่างไร และนั่นทำให้เรารู้ว่า เรือใหญ่ขนาดเกาะย่อมๆ ที่มีคนทั้งผู้โดยสารและลูกเรือรวมเกือบ 5 พันกว่าคนนั้น ขับเคลื่อนด้วย joy stick ขนาดเท่าหัวนิ้วก้อยเท่านั้น! ช้อคไปเลยค่า ไอ้เราก็นึกถือว่าต้องมีพวงมาลัยใหญ่ๆ แบบกัปตัน jack sparow อะเทือกนั้น เปิดหูเปิดตามากค่ะทั่นผู้ชม! รวมแล้ว พวกเราชาว VVIP ก็ใช้เวลาอยู่บริเวณ bridge ประมาณ 1/2 ชั่วโมงค่ะ ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แล้วก็ exclusive มากค่ะ


The specialty restaurants

เราจะกล่าวถึงร้านอาหาร special กันหน่อยละกันค่ะ ปกติแล้ว ร้านพวกนี้ถ้าไม่ได้เป็น star class จะต้องเสียตังค์เพิ่มเองนะคะ มาคราวนี้ เราเลยได้ลองเกือบครบเลย (ยกเว้นตัวที่เป็น chef table) เพราะกินฟรีหมด หรือต้องพูดว่า เค้ารวมกะค่าห้องไปแล้ว!!! เพราะงั้น เราขอรีวิวเบาๆ สำหรับคนที่ซื้อห้องที่ไม่ใช่ star class แต่เบื่อร้านอาหาร buffet แล้ว หรือคิดว่าจะลองร้านอาหารอื่นดูบ้างนะคะ 

🎭 Wonderland – ร้านนี้ highly recommended คือถ้าคุณอยากจะลอง specialty restaurant บ้าง นอกเหนือจาก buffet ที่กินฟรีตลอดเวลาแล้ว ก้อขอให้ร้านนี้เป็นหนึ่งใน list ค่ะ เพราะรสชาติถือว่ากลางๆ แต่สิ่งที่ได้มาคือ dining experience ที่ไม่เหมือนใคร อาหารแต่ละอย่างจัดมาอย่างแฟนซี สมกับ concept wonderland มากค่ะ

🥩 Chops Grille – ใครเป็นสายเสต็ก ร้านนี้ไม่ควรพลาดค่ะ เนื้อดี นุ่ม ไม่ต้องราดซอสอะไรเลย แค่เกลือพริกไทยก้อพอแล้ว 

🍣 Izumi – ไม่แนะนำ ไม่อร่อย รสชาติแบบอาหารญี่ปุ่นแนวให้ฝรั่งกิน

🥢 Sichuan Red – ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนเสฉวน เรากิน 2 รอบ อร่อยมาก รสชาติ original มาก แถมด้วย order เป็น room service อีก 1 กรุบ  เมนูแนะนำคือ Kung Pao Prawns กับ Spicy Bullfrog

🍲 Hot Pot – เป็นส่วนต่อจากห้องอาหาร Windjammer Marketplace ซึ่งเป็นร้านอาหาร all day buffet ค่ะ การได้กิน hot pot บน cruise นี่เป็นอะไรที่ฟินมาก แน่นอนว่าเมนูสำหรับ star class guest นั้น คือสั่งได้ไม่อั้นค่ะ (ยกเว้น snow king crab) ไม่ว่าจะเป็น Abalone, Wagyu a4, Lobster, Jumbo shimp, scallops และอื่นๆ ก้อจัดไปเลยสิคะ lobster คนละ 2 ตัว ส่วนน้ำจิ้มก้อมีเป็น station ให้เราปรุงเองเลยตามสะดวก ร้านนี้ recommend เหมือนกันค่ะ เผื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศ

🥓 Teppanyaki – ร้านนี้ทั้งรสชาติและลีลา chef ค่อยข้างเฉยๆ สำหรับเรานะ ถ้าเปรียบเทียบกับเจ้าดังอย่าง Beni-Hana หรือไรงิก้อธรรมดา 

🍝 Jamie’s Italian – ร้านนี้ข้าม ไม่ทานค่ะ เพราะไม่นิยมอาหารอิตาเลี่ยนจริงๆ

อีกร้านหนึ่ง แม้ว่าไม่ได้ถือว่าเป็น specialty restuarant แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ นั่นคือร้านขายเครื่องดื่มที่ชงโดยหุ่นยนต์นั่นเอง

Bionic bar

The Body and Mind

จะให้ครบเครื่องเรื่องเรือสำราญ บริการสปาและนวดคงขาดไม่ได้ใช่มั้ยคะ แน่นอนว่าเราก็ไปลองใช้บริการเช่นกันค่ะ (อันนี้เสียตังค์เองนะ ไม่ฟรี) course ที่เราไปลองคือ body scrub and massage ค่ะ ราคาประมาณ 170++ USD ราคาแรงอยู่ คนนวดเป็นน้องสาวชาวจีน ถามว่านวดดีมั้ย เอิ่ม~~~ ก้อไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ทุกคนคงเดาได้ว่า ถ้าพูดถึงหมอนวด คนไทยเป็นที่หนึ่งแน่นอน ซึ่งจริงค่ะ 5555 สุดท้าย ลงมานวดที่ภูเก็ต 90 นาที พันเดียว ทั้งคุ้ม ทั้งดี ^^ ส่วนอื่นๆ ในบริเวณนี้ก็มี fitness ด้วยนะคะ อุปกรณ์ครบครัน


Kid’s zone (Adventure Ocean)

สำหรับเพื่อนๆ ที่มีลูกเล็กนะคะ บนเรือจะมีจัด zone สำหรับเด็กเรียกว่าโซน Adventure Ocean ซึ่งเค้าจะแบ่งโซนกันเลยนะคะว่าเป็นเด็กแบบเบบี๋ หรือเด็กโตขึ้นมาหน่อย และที่สำคัญคือเค้าจะมี staff standby ดูแลบุตรหลานตลอดเวลาค่ะ ส่วนพ่อๆ แม่ๆ อยากมีเวลาส่วนตัว ก็เอาเด็กไปทิ้งไว้ที่นี่เลยก้อได้ค่ะ ของเล่นเพียบ รับรองเด็กๆ ไม่มีเบื่อแน่นอน


The Staff

Souvenir arranged by our Royal Genie

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือลูกเรือค่ะ เราประทับใจกับลูกเรือทุกคนที่บริการเราบนเรือมาก เรารู้สึกว่าเค้าพยายาม built อารมณ์ vacation สุดๆ customer service mind set นี่ to the max แล้วอ่ะ ไม่ว่าจะบริการอะไรก็จะบริการด้วยรอยยิ้มตลอด คอยถามไถ่ว่าอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย มีอะไรช่วยเหลือรึเปล่า ทั้ง housekeeping เอย พนักงานเสริฟเอย staff ตามเครื่องเล่นต่างๆ รวมถึง Royal Genie ของเรา Ellen ทำให้เรารู้สึกว่า ทุกคน enjoy กับงานที่ทำมาก ไม่เหมือนพนักงานตามสถานที่ข้าราชการต่างๆ ที่หน้าตูดตลอดเวลา ถามอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำหน้าเหมือนเราติดหนี้เค้าอย่างนั้นแหละ มี crew หลายคนเลยที่ทำงานบนเรือมากกว่า 10 ปี นี่ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าคน enjoy ทำงานที่นี่จริงๆ เราว่า pay grade และ benefit ก็คงดีด้วยแหละ เราเจอพนักงานเสริฟอยู่คนนึง นางบอกนางทำงานบนเรือมา 15 ปีแล้ว เหยยยยยย เอาจริงๆ สมัยนี้นะ เราว่าบริษัทไหนที่มีพนักงานทำงานเกิน 10 ปี เราก็อะเมซิ่งแล้วอ่ะ เลยถามนางว่า route ไหนที่นางไปแล้วประทับใจที่สุด นางบอก route ที่สวยสุดคือ route Antarctica ซึ่งปัจจุบัน route นี้ไม่มีแล้วนะคะ แอบเสียดายมาก นางบอกว่าเมื่อก่อนน้ำแข็งยังเยอะอยู่ สวยมาก หลังๆ นี่น้ำแข็งขั้วโลกใต้ละลายไปเยอะมาก ไม่สวยเท่าเดิมแล้ว 


เอาหล่ะ รีวิวมาพอหอมปากหอมคอละ เราว่าการล่อง cruise ไม่ใช่อะไรใหม่สำหรับคนไทยนะ แต่เวลาเลือกเส้นทางและเรือ เราก็อยากเชียร์ให้เลือกเรือใหม่ๆ เพราะ feature จะเยอะกว่า ส่วนจะห้อง type ไหนนั้น ก็เอาตาม budget ของแต่ละคนเลยค่ะ สำหรับเรามีซ้ำแน่นอน 555 ครั้งหน้าสำหรับเราคงไม่ต้องถึงขนาด star แล้วหล่ะ แต่อย่างน้อยขอแบบมี balcony ก็พอค่ะ

Amy Yu

สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว "ผิดถนัดค่ะ" ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ :) กริรกริ

Recommended Articles

This error message is only visible to WordPress admins

Error: No feed found.

Please go to the Instagram Feed settings page to create a feed.