Eat.Roam.Repeat in Portugal – ตะลอนกิน ฟินเฟร่อที่โปรตุเกส

โปรตุเกส ในสายของคนทั่วไป อาจจะมีความคิดว่า เป็นประเทศยุโรป รสชาติอาหารก็น่าจะเป็นแนวฝรั่ง ชีสเยอะๆ เลี่ยนๆ แน่นอน (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) จริงๆ แล้วอาหารโปรตุเกสได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่คล้ายกับอาหารเอเชียมากที่สุดที่นึงเลยก็ว่าได้ ดังจะเห็นได้จากอาหารหลายอย่าง เช่น ทาร์ตไข่และ Pork Chop Bun ที่กลับกลายเป็นของดังที่มาเก๊า หรือจะเป็นฝอยทอง บ้าบิ่น สังขยาและขนมไทยอื่นๆ ล้วนแล้วแต่กำเนิดมาจากประเทศโปรตุเกสทั้งสิ้น (อันนี้ไปแล้วถึงเพิ่งรู้จะเนี่ยะ! พอดีไม่ได้ดูบุพเพสันนิวาสค่าาา ^^”) ดังนั้น ภาระกิจคราวนี้ของเรา เมื่อมาเที่ยวโปรตุเกสทั้งที เราก็ไม่พลาดที่จะสรรหาร้านอาหารขึ้นชื่อที่ประเทศนี้ พร้อมกับมาเล่าเรื่องราวอันน่าสนใจของแต่ละร้านที่เราศึกษามาอย่างดี (รึเปล่า?) ตามสไตล์ของ Ontheroadstory ไง … เอิ่ม สำหรับ episode นี้ อาจจะต้องเปลี่ยนเป็น Onthetablestory มากกว่าละมั้งเนี่ยะ 🙂

การเดินทางของเราครั้งนี้ เราไปกัน 3 เมืองด้วยกันคือ Lisbon (Lisboa), Sintra, และ Porto โดยโพสนี้เราจะโฟกัสเรื่องกินอย่างเดียว!!! พร้อมจะกินจนพุงกางไปกันเราแล้วรึยังเอ่ย? กิกิ

CASA PIRIQUITA SINTRA 

Rating: 

Budget: 

ร้านเบเกอรี่สัญชาติโปรตุเกต ต้นกำเนิดขนม Queijadas หรือมันคือขนมบ้าบิ่นของไทยเรานี่เอง!! ถือกำเนิดที่เมือง Sintra ในปี 1862 (160 ปีที่แล้ว) โดยนาย Amaro dos Santos และภรรยาของเค้า Constância Gomes ซึ่งชื่อร้าน Piriquita นี้เอง King Carlos เป็นคนประทานให้แก่นาง Constância Gomes เป็นชื่อเล่นตามลักษณะของเธอที่เป็นคนตัวเล็ก จริงๆ แล้วเป็น King Carlos เองนั่นแหละที่ได้ลองชิ้มขนมของสองสามีภรรยาแล้วติดใจว่ามันอร่อย จนกระทั่ง encourage ให้เค้าทั้งสองเปิดร้านเบเกอรี่

Queijadas

ต่อมาลูกสาว Constância Cunha ก็ได้คิดค้นขนมอีกชนิดนึงนั่นคือ Travesseiro เป็นลักษณะคล้ายๆ พายทำเป็นรูปทรงหมอน ไส้ข้างในเป็นไข่หวานกลิ่นอัลมอนต์ ซึ่งแน่นอนว่าสูตรนี้จะมีการถ่ายทอดให้กับคนในครอบครัวเท่านั้น

Travesseiro

ปัจจุบัน ร้าน Piriquita ดำเนินกิจการมาถึง generation ที่ 5 และได้กลายเป็น landmark สำคัญสำหรับเมือง Sintra ไปแล้วเรียบร้อย ทางโรงแรมของเราก็ได้แนะนำร้านนี้ให้เราเหมือนกัน ร้าน Piriquita ปัจจุบันมี 2 สาขา สาขาแรกอยู่ตัวหัวมุมทางเข้าซอย R. Padarias  อีกสาขาก็เดินเลยเข้าไปในซอยเดียวกัน ภายในตัวร้านประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือส่วนสั่งกลับบ้านและส่วนที่นั่งทานที่ร้าน ขนาดภายในร้านไม่ได้ใหญ่เลย เอาจริงๆ ถือว่าเล็กด้วยซ้ำ มีโต๊ะนั่งไม่ถึง 10 โต๊ะ จึงไม่แปลกที่คุณอาจจะต้องต่อคิวหน้าร้านเพื่อรอโต๊ะว่าง

เราสั่งขนมมาทาน 4-5 อย่าง พร้อมกับเครื่องดื่ม ตัว Queijadas นี่อร่อยมาก กรอบนอก ข้างในเป็นไส้มะพร้าว รสชาติคล้ายกับขนมบ้าบิ่นบ้านเราเปี๊ยบ ส่วน อีขนมหมอน Travesseiro นี่ก้ออร่อยมากเช่นกัน ไม่แปลกที่มันจะดังข้ามศตวรรษ ขนมอื่นๆ รสชาติหวาน จนเรารู้สึกมันหวานเกินไป ต้องทานกะชา สุดท้าย เก็บตังค์ทั้งหมดก็แค่ 8 ยูโรเท่านั้น ปิดท้ายด้วยการซื้อขนม Queijadas กลับไปกินบ้านอีก 1 ห่อ (1 pack มี 6 ชิ้น) ตอนแรกว่าจะซื้อกลับบ้านแต่เค้าบอกว่าอยู่ได้ 2 อาทิตย์ กลัวว่าจะเสียก่อนเลยไม่ได้ซื้อกลับบ้าน

 

พิกัดความอร่อย: map

 

TABERNA SAL GROSSO LISBOA 

Rating: 

Budget: 

ร้านอาหาร Home Cook สัญชาติโปรตุเกสจ๋า เจ้าของร้านเคยเป็น Executive Chef ที่โรงแรม 5 ดาวมาก่อน ปัจจุบันร้านนี้ขายดีมากกกก เรียกกันว่า ติดโผของทุกเวบรีวิวอาหารเลยทีเดียว นั่งกันแน่นทุกวัน แต่นางไม่อยากขยายใหญ่กว่านี้ เพราะเมนูของเค้าแต่วันจะไม่เหมือนกัน ตามใจอารมณ์ของ Chef และขึ้นอยู่กับว่าไปจ่ายตลาดแล้วได้อะไรมา นอกจากนั้นนางต้องการควบคุม Quality ของอาหารด้วยเช่นกัน 

ร้านนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ Santa Apolonia ของเมือง Lisbon ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักคล้ายๆ กับหัวลำโพงที่ใช้เดินทางระหว่างเมือง เป็นร้านขนาดเล็กมว๊ากกกก ทางเข้าก็เป็นประตูแคบๆ จะเข้าทีต้องเคาะกระจกให้พนักงานเสริฟมาเปิดให้ ด้านในมีโต๊ะไม่ถึง 10 โต๊ะ เราไม่ได้จองมาก่อนแต่เราโชคดีมาก ได้โต๊ะสุดท้ายนั่งใต้บันไดนั่งได้สองคนพอดี อ้อ! ร้านนี้ไม่มีเมนูนะคะ ทุกวันเค้าจะเขียนรายการอาหารไว้บนกระดานดำซึ่งจะมีติดไว้ทั้งในร้านและนอกร้าน ว่าวันนี้มีเมนูอะไร เวลาสั่งจะต้องดูจากกระดานดำ มาดูกันค่ะว่าเมนูที่เราสั่งวันนี้มีอะไรบ้าง…

เริ่มต้นที่ Orange Salad ซึ่งเค้าเอาเนื้อส้มกะผัก Rocket มาผสมกันน้ำสลัดแนว Olive oil อร่อยมากกกก ไม่น่าเชื่อว่า ingredient แค่นี้ก้อได้สลัดอร่อยๆ ออกมาได้ จานต่อไปเป็น Lamb Stew กลิ่นแรงใช้ได้ รสชาติเค็มนำ เอาไปต้มจนเนื้อเปื่อยมาก เนื้อนี่เปื่อยแบบลอกออกจากกระดูกสบายบรื๋อ จานต่อไป Duck Liver เป็นตับเป็ดในไวน์ขาว ใส่ไวน์เยอะมาก กินไปกินมาเริ่มเมา เอาเป็นว่าจานนี้ไม่ค่อยถูกใจเราสองคนเท่าไหร่ ส่วนจานสุดท้ายเป็น Roasted Chicken มันคือไก่อบกระเทียมพริกไทยนี่เอง หอมพริกไทย รสชาติก็ออกเค็มๆ แนวไก่อบพริกไทยดำ อร่อยมว๊ากกกก 

สำหรับเครื่องดื่ม ร้านนี้ไม่มีพวก coke, pepsi ขายนะคะ Drinks ของเค้าก็เป็น Homemade เช่นกัน เด็กเสริฟบอกว่า วันนี้มี Cherry Soda รสชาติประทับใจจอร์ชมาก หวานนิดเปรี้ยวหน่อย กินแล้วสดชื่น สุดท้ายเก็บเงินแค่ 30.50 Euro (2 คนประมาณ 1 พัน) เปรียบเทียบราคาแล้ว ไม่แพงเลยจ้า ใครจะไปทานที่ร้านนี้ แนะนำว่าให้ทำการจองไปก่อนจะดีกว่านะคะ

 

พิกัดความอร่อย: map

 

PASTÉIS DE BELÉM LISBOA 

Rating: 

Budget: 

ร้านนี้คือต้นกำเนิด Egg Tart (Nata) ของโลก ถือกำเนิดมาจากคนงานและพระที่ทำงานอยู่ใน Jerónimos Monastery (ปัจจุบันอารามแห่งนี้เป็นหนึ่งใน UNESCO World Heritage ด้วยนะ) ด้วยเหตุที่สมัยก่อน เสื้อผ้าที่ใส่ในอารามจะต้องดูเนี๊ยบ ดังนั้นการรีดเสื้อผ้าให้ขึ้นเป็นจีบจึงต้องการความปราณีตเป็นพิเศษ ซึ่งตามภูมิปัญญาชาวบ้านโปรตุเกสมัยก่อนจะใช้ไข่ขาวทาบางๆ บนผ้า เวลารีด เสื้อผ้าจะขึ้นจีบง่าย อยู่ได้นาน และเนื้อผ้าดูเต่งตึง ส่วนไข่แดงก็จะทิ้งไป ต่อมาก็มีคนต้นคิดที่จะเอาไข่แดงที่เหลือมาทำเป็นขนมซะ จะได้ไม่ต้องทิ้งให้เสียของ เกิดเป็น ​Egg Tart ในที่สุด ต่อมาในปี 1820 ประเทศเกิดการปฏิวัติเสรีนิยมทำให้ convent และ monastery ทั้งหลายถูกปิดลง คนงานและพระที่เคยทำงานอยู่ใน Jerónimos Monastery อยู่ๆ ก้อไม่มีงานทำซะงั้น จึงได้นำ Egg Tart ที่เคยทำอยู่ใน Monastery ไปขายที่ร้านขายของชำที่ตั้งอยู่ข้างๆ โรงงานน้ำตาลในบริเวณใกล้ๆ กับอารามนั่นแหละ ต่อมา Egg tart ก็ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันอย่างรวดเร็วในชื่อ “Pastéis de Belém” 

ต่อมาในปี 1837 การทำ Egg Tart ของ “Pastéis de Belém” ก็เปลี่ยนมาทำที่ร้านขายของชำแห่งนี้ซะเลย โดยสูตรขนมก็ยังคงใช้สูตรลับโบราณที่สืบต่อกันมาจาก Monastery และสูตรนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในช่วงที่โปรตุเกสเดินเรือไปยังเอเชียก็ได้นำ Egg Tart นี้ไปด้วย ทำให้ Egg Tart กลายเป็นขนมชื่อดังของมาเก๊าและฮ่องกงมาจวบจนปัจจุบัน

ปัจจุบันร้าน Pastéis de Belém แห่งนี้ขาย Egg Tart เป็นหลักเลย ในร้านมีที่นั่งเป็นร้อยๆ โต๊ะ แต่กระนั้น คนยังนั่งกันแน่นขนัด ทั้งคน local และนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ คนที่จะทานที่ร้านก็ต้องต่อคิววนไปค่ะ ด้านหน้ามี counter ขายแบบ togo ซึ่งก็ตามแต่ช่วงเวลา บางช่วงแถวสั้น บางช่วงแถวยาว นอกจากนั้น ด้านในจะมีส่วนที่เป็นห้องอบขนมซึ่งเค้าสร้างเป็นห้องกระจก คุณสามารถเห็นกระบวนการวิธีการเค้าทำ Egg Tart ผ่านกระจกได้เลย 

 

มาพูดถึงรสชาติกันบ้าง Egg Tart ที่นี่ ตัวแป้งข้างนอกกรอบฟู ด้านบนเค้าจะทำให้ไหม้นิดๆ กัดลงไปนี่ของใช้คำว่า caramelize มาก สำหรับไส้ texture ของเค้าออกแนวแบบ custard คือนิ่มๆ นัวๆ กลิ่นไข่แดงหอม รสชาติหวานมาก เมื่อเปรียบเทียบกับ Egg Tart ของฮ่องกงหรือบ้านเรา ซึ่งจะมีรสหวานน้อยกว่า ส่วนของไส้ก็จะผสมไข่เยอะกว่า เนื้อไส้จึงเฟริมๆ เหมือนไข่ตุ๋น ต่างกับของโปรตุเกสที่จะเหลวๆ เหมือนคัสตาร์ด และด้วยความที่มันหวานมาก จึงเหมาะกับทานกับชาขมๆ เราชอบนะ ทานไป 2 อันกำลังดี ทานมากกว่านี้แอบเลี่ยน… 

 

พิกัดความอร่อย: map

 

CASA DAS BIFANAS LISBOA 

Rating: 

Budget: 

ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่ขาย Bifana หรือเรียกอีกอย่างว่า Pork Chop Bun ตั้งอยู่ที่ Figueira’s square ใจกลางกรุง Lisbon หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า Binafa คืออะไร?

ถ้าอเมริกามีแฮมเบอเกอร์แล้วหล่ะก็ โปรตุเกสก็มี Bifana… มันคือ Steak ที่หมักกระเทียมพริกไทย โปะบนล่างด้วยแผ่นขนมปัง ทานกับซอสพริกหรือ Mustard ตามแต่คนชอบ คนโปรตุเกสนิยมทาน Bifana เป็นอาหารเช้าและกลางวัน แม้แต่ McDonald’s เอง ก็ยังมีเมนู “Mc Bifana” เป็นเมนู exclusive หากินได้ที่โปรตุเกสเท่านั้น เราสัณนิษฐานว่า  สมัยก่อนในยุคล่าอานาณิคม Bifana ก็คงเดินทางโดยเรือไปจนถึงมาเก๊าเหมือน Egg Tart นั่นแหละ จึงทำให้ Binafa กลายเป็นเมนูดังที่เรียกว่า Pork Chop Bun ของเมืองมาเก๊าในปัจจุบัน

 

วันนี้เราก็ได้สั่งมาลองกันคนละอัน ราคาอันละ 2.5 Euro ขนาดที่นี่ใหญ่มากเมื่อเปรียบเทียบกับที่กินที่มาเก๊า รสชาติคล้ายกันมาก ก็หมูต้มซอสกระเทียมพริกไทยทานกับขนมปังดีๆ นี่เอง สำหรับเรา เราว่าของมาเก๊าอร่อยกว่านะ 5555 สงสัยเราจะติดรสชาติแบบเอเชียๆ 

 

พิกัดความอร่อย: map

 

 CAFÉ SANTIAGO F PORTO 

Rating: 

Budget: 

Francesinha เป็นอาหารสัญชาติโปรตุเกสอีกอย่างนึง ที่ถือกำเนิดที่เมือง Porto ลักษณะของมันก็คือแซนวิชอย่างนึงที่ประกอบไปด้วยชั้นๆ คือขนมปัง แฮม ไส้กรอก เนื้อย่าง สเต็ก โปะด้วยแผ่นชีสเยิ้มๆ ราดซอสเบียร์ ทานกับเฟรนฟรายส์ Cafe Santiago แห่งนี้ เป็นร้านดังและได้รับการยอมรับจากคน Local เองว่าเป็นร้านที่ทำ Francesinha ได้อร่อยถูกปากร้านหนึ่งใน Porto เรามา Porto ครั้งนี้ ก็ไม่พลาดที่จะลองลิ้มชิมรสเมนูขึ้นชื่อที่ร้านนี้ด้วย

คำว่า Francesinha นี้ แปลตรงตัวแปลว่า “French little girl” ถือกำเนิดมาจากขนมปังของฝรั่งเศส ‘croque monsieur’ ที่นาย Porto ได้นำมันติดตัวกลับมายังบ้านเกิดที่เมือง Porto โดยที่เค้าได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรการทำโดยใส่เนื้อสัตว์ ไส้กรอกและซอสเผ็ดเพิ่ม จนกลายเป็นเมนู Francesinha แบบปัจจุบันในที่สุด

 

สูตรของซอสเบียร์ที่ราดด้านบน ก็มีความซับซ้อน โดยจะใช้ซอสมะเขือเทศชั้นดีผสมกับเหล้าเบียร์และพริก จะต้องต้มและเทลงบน Francesinha ที่มีแผ่นชีสโปะอยู่ข้างบน เวลาเสิร์ฟ ส่วนผสมของซอสก็จะละลายชีสลงบนขนมปัง คุณสามารถสั่งแบบมีไข่ดาวอยู่ด้านบนเป็น option เสริมก็ได้

 

Francesinha ที่ร้านนี้มีตั้งแต่ราคา 8-13 Euro ต่างกันที่มีไข่ดาว ไม่มีไข่ดาว มี Frenchfries หรือไม่มี ซึ่งราคาถือว่ากลางๆ ไม่ถูก และไม่แพงจนเกินไป เราสั่งมาที่เดียว กินได้สองคนแบบอิ่ม เลี่ยน เว่อ รสชาติเค็มๆ เลี่ยนๆ ชีสๆ ส่วนตัวเราไม่นิยมซักเท่าไหร่ ทานแล้วคิดถึงส้มตำยิ่งนัก แต่ไหนๆ ไปแล้ว ไม่ลองก็กลัวจะเสียดาย ใครได้ไปเที่ยวเมือง Porto ก็แนะนำว่าควรจะลองชิมกันดูนะคะ

 

พิกัดความอร่อย: map

 

 TAPABENTO S.BENTO PORTO 

Rating: 

Budget: 

“We are in Porto but our soul travels the world.”

เป็นสโลแกนของทางร้านที่แสดงตัวตนของอาหารที่ทำได้อย่างดี แม้ว่าร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ในเมือง Porto ตั้งอยู่ข้างๆ สถานีรถไฟสำคัญคือ Sao Bento station แต่รสชาติและเมนูของทางร้าน บอกได้เลยว่าไม่จิ๊บๆ อย่างขนาดร้านแน่นอน เพราะร้านนี้ถือได้ว่าเป็นที่นิยมและติดในลิสอันดับต้นๆ ของร้านอาหารในเมือง Porto เลยทีเดียว

ภายในร้านตกแต่งแนวโฮมมี่ๆ มีสองชั้น ด้านล่างมีบาร์ ส่วนด้านบนมีส่วนที่เป็น Balcony ยื่นออกไปเป็น outdoor เราทำการจองมาก่อนทาง email พอถึงปรากฎว่าเค้าหา reservation ของเราไม่เจอ เราจึงโชว์ email ที่ทางร้านตอบกลับเรามา เจ้าของร้าน คุณ Isabel น่ารักมาก บอกว่า เค้าเป็นคนตอบเอง ว่าแล้วนางก็บอกให้เราแป๊บนึง ไม่นานเราก็ได้โต๊ะเป็นชั้น 2 นั่งได้ไม่นานคนก็แน่นร้าน เต็มทุกโต๊ะ

เมนูของร้านนี้มีการแปลถึง 10 ภาษา (แน่นอนว่า ยังไม่มีภาษาไทย -_-‘ สงสัยคนไปกินยังไม่มากพอ) แต่ก็เป็น indicator อย่างนึงที่บอกว่า เจ้าของร้านตั้งใจและใส่ใจกับการสื่อสารกันทุกคนๆ ชาติ เพื่อให้เข้าใจถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร นอกจากนั้นยังมีสัญลักษณ์คู่กับทุกเมนูอาหาร ในกรณีที่คุณมีการแพ้อาหารบางชนิดด้วย จึงไม่แปลกว่าร้านนี้จะมีทั้งฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมถึงคนไทย(พ่วงจีนอีก 1 หน่อ) อย่างเราเข้าไปลองลิ้มชิมรสกันค่ะ

Fish soup
Mixed Lattice Salad

ร้านนี้เสริฟเป็นอาหารโปรตุเกส แต่จะเน้นวัตถุดิบที่เป็น Seafood ซะมาก เราสั่ง starter มาเป็น Mixed Lattice Salad และ Fish soup ซึ่งซุปปลาจานนี้ เป็นเมนูดังของที่นี่ เห็นทุกโต๊ะสั่งกัน มีหรือเราจะพลาด รสชาติกลมกล่อมใช้ได้ ต่อมาเป็นจานเด่นของคุณชายที่นางตั้งตารอคอยมาตลอด นั่นคือ Razor Clam from the Algarve เป็นหอยหลอดผัดกับน้ำมันมะกอก มะนาว กระเทียม โรยหน้าด้วยผักชี จากนี้อร่อยมากถึงมากที่สุด แม้ว่าน้ำจะเค็มไปนิด แต่เมื่อทานแบบขลุกขลิกกับหอยคือรสชาติกำลังดี

Razor Clam from the Algarve

ต่อมาเป็น Main course ของเรา เริ่มต้นที่ Fish and Seafood Curry ซึ่งมาแบบจานใหญ่ยักษ์อลังการมาก อัดแน่นไปทั้งกุ้งเล็กใหญ่ ปลา ปลาหมึก และหอยหลากหลายชนิด ในน้ำแกงข้นๆ คล้ายๆ กับซุปแกงกระหรี่ญี่ปุ่นแนว Hokkaido  มาพร้อมข้าวขาวโรยด้วยฟูริคาเกะ ทานแล้วเหมือนแหวกว่ายอยู่ในทะเล ยังไงหยั่งงั้นเลย อร่อยจริงๆ Main course อีกอย่างของเราคือ Wild Shrimp Risotto เป็น Risotto หน้ากุ้งตัวโต ในส่วนตัวข้าวจะมีทั้งเนื้อกุ้งสับและไข่กุ้งมาด้วย ไม่ต้องบอกเลยว่าคุณภาพพรีเมี่ยมแค่ไหน รสชาติเข้ากันกลมกล่อมมากๆ น่าจะเป็น Risotto ที่อร่อยที่สุดที่เคยกินเลย

Fish and Seafood Curry &Wild Shrimp Risotto

ปิดท้ายที่ของหวานขึ้นชื่อ Peanut Foam เป็นไอศครีม peanut butter ข้นๆ โปะด้วยโฟมถั่วโรยด้วยถั่วลิสงป่น ท้อฟฟี่คาราเมล และผงโกโก้ อร่อยยันของหวาน อร่อยทุกอย่างจริงๆ เรากินกันจนพุงกาง เก็บเงินท้ายสุดที่ราคาประมาณ 120 ยูโร (จำตัวเลขแม่นๆ ไม่ได้ ขอโทษจริงๆ ลืมถ่ายใบเสร็จมา) เปรียบเทียบกับ Ingredient แบบนี้ รสชาติแบบนี้ ไม่แพงเลยค่ะ

Peanut Foam

 

เพื่อนๆ คนไหนมีแพลนจะไปเที่ยว Porto ก็อย่าลืม add ร้านนี้เราเข้าใน Bucket list ของคุณนะคะ 🙂 

 

พิกัดความอร่อย: map

 

 CONSERVEIRA DE LISBOA LIABOA 

Rating: 

Budget: 

ร้านปลากระป๋องนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยว A-must ของเมือง lisbon ไปแล้ว เนื่องด้วยประเทศโปรตุเกสเป็นประเทศติดทะเล จึงจับปลาได้เป็นจำนวนมาก ดั้งนั้นจึงไม่แปลกที่จะเป็นประเทศแรกๆ ที่นิยมการถนอมอาหารโดยการเอาปลามาทำเป็นปลากระป๋อง ในเมือง Lisbon เองก็มีร้านขายปลากระป๋องหลายร้าน แต่ร้านนี้มันมีความพิเศษหลายๆ อย่างที่ไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ …

เจ้าของร้าน นาย Fernando Da Silva Ferreira เคยเป็นคนขายปลากระป๋องในห้างมาก่อน เมื่อเค้าเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ก็มาเปิดร้านนี้ในปี 1930 ผ่านมาเกือบ 100 ปีแล้ว ร้านนี้ยังคงอยู่และยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่เป็นการตกแต่งร้าน โดยเอากำแพงมาทำเป็นชั้นเพื่อเก็บปลากระป๋องไว้จวบจนปัจจุบัน จนมีปรากฎเป็นภาพในนิตยสารหลายๆ เล่ม ร้านนี้จะขายปลากระป๋อง 3 ยี่ห้อดัง ซึ่งเป็นยี่ห้อที่ดังตั้งแต่ปี 1930 และยังคงเป็นยี่ห้อปลากระป๋องยอดฮิตจนถึงปัจจุบันเช่นกัน อันได้แก่ยี่ห้อ Tricana, Prata do Mar และ Minor โดยทางร้านการันตีว่า อาหารทะเลกระป๋องของร้านเค้า จะทำมาจาก Local Seafood ของโปรตุเกสเท่านั้น 

ยี่ห้อ Tricana เป็นยี่ห้อที่ขายดีสุด จะใช้ปลาที่เป็นแบบ  whole Fish ทำทั้งหมด ต่างกับยี่ห้อ Prata Do Mar ที่จะใช้ส่วนเนื้อ (fillet) มาทำเท่านั้น ส่วนยี่ห้อ Minor จะใช้ปลาขนาดเล็กหรือทำเป็น Fish paste ซึ่งส่วนมากจะใช้ประกอบอาหารพวก appetizer นอกจากปลาซาดีนที่นิยมเอามาทำปลากระป๋องแล้ว ก็ยังมีอาหารทะเลชนิดอื่นๆ เช่น Salmon, Cod, Cavala, Octopus และอื่นๆ อีกหลายชนิด แช่ในซอสหลายๆ แบบ รวมๆ กันแล้วก็ไม่ต่ำกว่า 120 แบบ โอ้วแม่เจ้า!!! ดังนั้น การเลือกซื้อปลากระป๋องที่ร้านนี้ก็เป็นอะไรที่สนุกและ Challenge อย่างมากสำหรับเรา เพราะมันมีให้เลือกเยอะมากๆ ตาลายไปหมด

แต่ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหน กระป๋องที่คลาสสิกที่สุด เห็นจะเป็นปลาซาดีน รสชาติที่แนะนำและเป็นนิยมของคนเอเชียคือ olive oil / spicy olive oil / tomato sauce /spicy tomato sauce หรืออย่างอื่นเช่น กระเทียม เกลือ มะนาว ก็มีบางคนชอบเหมือนกัน

อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านนี้นอกจากการตกแต่งที่ไม่เคยเปลี่ยนมาเกือบร้อยปี เห็นจะเป็นการแพ็คสินค้าของเค้า โดนทางร้านจะใช้กระดาษสีน้ำตาลห่อปลากระป๋องที่คุณเลือกซื้อ ผูกด้วยเชือกเส้นเล็กที่ใช้แพ็คของตามไปรษณีย์ ไม่ว่าจะซื้อกี่กระป๋องก็จะใช้วิธีแพ็คแบบนี้ เป็น Signature ของทางร้านที่ทำมาตั้งแต่ปี 1930 ไม่เคยเปลี่ยน

ปลากระป๋องของร้านนี้ สนนราคาอยู่ที่ 2-4 euro นับว่าเป็นปลากระป๋องที่ราคาไม่ได้ถูกเลย แต่เค้ามี Story และก็มีความเก่าแก่ เอาเป็นว่า ซื้อฝากเพื่อนฝูงครอบครัวก็ดูเก๋ไปอีกแบบ อ้อ! พนักงานร้านนี้ พูดภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ สื่อสารรู้เรื่อง

ช่วงที่เราไป ตึกแถวของทางร้านมีการบำรุงรักษาอยู่ ทางเข้าก็เลยเป็นเขตก่อสร้างอย่างที่เห็น

 

คำเตือน แต่ละกระป๋องบรรจุด้วยปริมาณ 120 ml. ดังนั้น อย่าเผลอเอาขึ้นเครื่องแบบ Carry on ไปนะจ๊ะ ไม่งั้นโดยทิ้งที่สนามบินแน่นอน

 

พิกัดความอร่อย: map

 


สุดท้าย ขนมที่เรามักจะซื้อกินตลอด ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศโปรตุเกสก็คือ “เกาลัดอบเกลือ” นั่นเอง เพื่อนๆ รู้มั้ยคะว่าเกาลัดที่นี่มันอันใหญ่มาก ร้านขายเกาลัด หาได้ตามข้างถนนทั่วๆ ไป เค้าจะมีเครื่องอบเล็กๆ ขาย Portion ละ 2.50 euro มี 12 ลูก เค้าจะกะเทาะเปลือกมาให้เสร็จ ใช้มือแกะออกได้ง่ายๆ สบาย กินร้อนๆ ตอนที่เพิ่งออกจากเตามาอร่อยมากๆ เราชอบซื้อมานั่งกินตามสวนสาธารณะหรือ Sqaure ต่างๆ ชมวิวไป กินเกาลัดไป ฟินเฟร่อ~~~~

โดยสรุป อาหารโปรตุเกส กินได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป มีความคล้ายคลึงกับอาหารบ้านเราเป็นส่วนมาก ราคาไม่แพง อาหารทะเลสด ถ้าใครมีแพลนจะไปเที่ยวโปรตุเกสหล่ะก็ อย่าลืมพกโพสพากินของเราติดตัวไปด้วยนะคะ 🙂 ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วพบกันใหม่จ้า

Amy Yu

สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว "ผิดถนัดค่ะ" ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ :) กริรกริ

Recommended Articles

This error message is only visible to WordPress admins

Error: No feed found.

Please go to the Instagram Feed settings page to create a feed.