Let’s lose youself in Detroit – 8 Mile filming location

If you had one shot or one opportunity,
To seize everything you ever wanted
In one moment, would you capture?
Or just let it slip?

Lose yourself – EMINEM

ใครมียังจำเนื้อเพลงนี้ได้บ้าง สำหรับใครที่ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก เรามี MV ให้ฟังข้างล่าง

ใช่แล้วค่ะ เนื้อเพลงนี้คือเพลง Lose Yourself จากหนังเรื่อง 8 mile (2002) ที่นำแสดงโดย rapper ชื่อดังระดับโลก Eminem นั่นเอง และวันนี้เรามาอยู่กันที่เมือง Detroit ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นสถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่ของหนังเรื่อง 8 mile ค่ะ

หลายๆ คนอาจสงสัยว่า หนังเรื่อง 8 mile นี้ เป็นหนังที่สร้างจากชีวิตของ EMINEM – rapper หนุ่มผิวขาวคนนี้หรือเปล่า จริงๆ แล้วก็มีเค้าโครงเรื่องจริงอยู่บ้างนะคะ เพราะหนังเรื่องนี้ set เรื่องให้เกิดในช่วงปี 1995 เป็นเรื่องราวของ rapper ผิวขาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในรถ Trailer กะแม่และน้องสาวบนถนน 8 mile นอกเมือง Detroit พระเอกของเรื่อง B-Rabbit นำแสดงโดย Eminem เริ่มต้น rap battle ของเค้าที่ The shelter ซึ่งเป็นสถานที่จริงในตัวเมือง Detroit เมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในเรื่องเพลงฮิปฮอปนั่นเอง ถามว่าชีวิตของ Eminem เหมือน B-Rabbit มั้ย ก็มีทั้งส่วนที่เหมือนและไม่เหมือนนะคะ ตัวอย่างเช่น Eminem เคยใช้ชีวิตอยู่ที่ Detroit จริง แต่ไม่ได้อยู่ใน trailer นะ อยู่เป็นบ้านปกติค่ะ แต่ก็มีชีวิตคล้ายๆ กับ B-Rabbit ที่มีฐานะยากจนและต้องย้ายบ้านบ่อยๆ มีความ struggle ในการจะเป็น rapper ทั้งๆ ที่เป็นคนผิวขาว ต้องเข้าร่วม rap battle หลายครั้งใน rap venue ใหญ่ๆ ว่าจะได้เข้าห้องอัดเพลง เหมือนในหนังนั่นแหละ 

หลายคนอาจจะสงสัยว่า 8 mile คืออะไร?

จริงๆ แล้ว 8 mile คือชื่อถนนในเมือง Detroit ตามหลักการตั้งชื่อ Detroit area’s mile road system เช่นถนน 6 mile, ถนน 7 mile, etc. ใช้ตั้งชื่อถนนที่มีแนววิ่งตั้งแต่ east ไปจรด west นอกจากนี้ 8 mile ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่งที่ไม่เหมือนถนนไมล์อื่นๆ ตรงที่เป็นถนนที่เป็นเส้นแบ่งระหว่าง community ของคนผิวสีหรือ คนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน กับ community แบบ upper class ของคนผิวขาวอีกด้วย จะเห็นว่า ถนน 8 mile เส้นนี้ มีความหมายทั้งในด้านกายภาพและในด้านจิตวิทยา โดนที่หนังเรื่อง 8 mile นี้ ก็ได้นำเอาความนัยของชื่อถนน มาตั้งเป็นชื่อหนัง เป็นการเสียดสีการเหยียดผิวในอเมริกาด้วย ซึ่งปกติแล้ว hip hop culture ที่เราเห็นส่วนมากจะเป็นคนผิวสีใช่ม๊ะ แต่ตัวเอกของเรื่องที่เป็น rapper กลับเป็นคนผิวขาวนั่นเอง

วันนี้เราอยู่กันที่เมือง Detroit ค่ะและเราจะไปตามรอย Eminem ในหนังเรื่อง 8 mile กัน เริ่มต้นที่ 8 Mile Mobile Court หรือก็คือสถานที่จอดรถของรถเคลื่อนที่ ที่ที่ B-rabbit อาศัยอยู่คุณแม่และน้องสาวของเค้า 

Michigan Building’s parking lot ที่ที่เมื่อก่อน เคยเป็นโรงละครที่โด่งดังของเมือง Detroit ปัจจุบันเอามาทำเป็นที่จอดรถซะงั้น ที่นี่คือสถานที่ rap battle ระหว่าง Three One Third กับ Leaders of the Free World ในหนังเรื่อง 8 Mile ค่ะ

Michigan Building’s parking lot

The shelter หรือชื่อจริงๆ ของสถานที่นี้คือ St. Andrew’s hall เป็นสถานที่ที่ Rabbit ขึ้น rap battle ครั้งแรก และที่ในหนังคือตื่นเต้นจนวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำนั่นแหละ ซึ่งจริงๆ แล้วฉากด้านใน ถ่ายทำที่ warehouse แห่งนึง แต่ด้านนอกคือตึกนี้นี่เอง 

หลายคนถามว่า มาเที่ยว Detroit เป็นไงบ้าง จากที่เราเคยได้ยินมา ก็คงเหมือนเพื่อนๆ นั่นแหละ ที่เข้าใจว่าเป็นเมืองที่อันตราย มีคนผิวสีเยอะ ตอนกลางคืนอย่าออกไปเที่ยว จริงๆ แล้วเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ จากที่หาข้อมูลมาคร่าวๆ เมือง Detroit นี้เดิมเคยเป็นเมืองที่เจริญและมีประชากรมากในอันดับต้นๆ ในอเมริกา แต่ต่อมาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้จำนวนประชากรหายไปกว่าครึ่ง และต่อมาในปี 2013 เทศบาลเมือง Detroit ก้อได้ยื่นฟ้องล้มละลาย และเป็นการยื่นฟ้องล้มละลายที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ทำให้เมืองนี้เกิดปัญหาทั้งความยากจน ยาเสพติด อาชญกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ ยังสามารถเห็นได้ในปัจจุบัน ในเมืองDetroit มีตึกร้างมากมาย หลายตึกที่ดูสวยงาม ข้างในตกแต่งอย่างหรูหรา ตอนนี้ก็ถูกทิ้งร้างมากมาย เราแวะไปหลายๆ neighborhood รอบๆ Detroit ซึ่งมีทั้งเขตคนขาวและเขตคนดำ มีทั้งเขตดูแล้วน่าอยู่ปลอดภัย และเขตที่เวลาขับเข้าไปก้อจะเห็นป้ายเตือนว่า neighborhood watch อะไรประมาณนี้ด้วย ถามว่าน่ากลัวมั้ย เอาจริงๆ เวลาเราไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม ต้องระวังตัวทุกที่แหละ แต่ที่นี่อาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น อย่างทิ้งของหรือกระเป๋าสิ่งมีค่าไว้ในรถ ถ้าจำเป็นต้องทิ้งไว้เวลาจอดรถ ก็ให้เอาไปไว้ที่ trunk จะดีกว่า 

One weekday afternoon in Detroit downtown!!! – Imagine you are walking in the abandon town like ‘I am legend’ movie!

เห็นเราพูดแบบนี้ เพื่อนๆ ก็อย่า bias เกินไป จริงๆ เมืองนี้ก็มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนเมืองอื่น เช่นจิตกรรมฝาผนังพวก street art ที่มีอยู่ทั่วเมือง ด้วยเหตุที่เมืองนี้ เป็นเมืองที่เก่าแก่ระดับหนึ่ง ศิลปะเหล่านี้ บางทีก็เป็นรูปคนดังต่างๆ บางทีก็บอกเล่าเรื่องราวเก๋ๆ อย่างเช่นที่ที่เราไปมา Detroit Eight Mile Wall ซึ่งเป็นกำแพงหนา 1 ฟุต สูง 1.8 เมตร ยาวเกือบ1 ไมล์ ถูกสร้างขึ้นในปี 1946 ด้วยจุดประสงค์เพื่อเป็นเขตแดนระหว่างคนดำกับคนขาว แต่ตั้งแต่ปี 1971 ก็ไม่ได้ใช้เพื่อการนี้แล้ว ปัจจุบันศิลปะบนผนักก็บอกเรื่องราวความ unite ของคนขาวและคนดำ กิจกรรมของคนใน community ที่ทำร่วมกันทั้งคนขาวและดำ ซึ่งเป็นอะไรที่สร้างสรรค์มาก 

อีกที่หนึ่งที่เราไปมาชื่อว่า Heidelberg Project เป็น community บ้านร้างที่ถูก transform ให้เป็น internationally recognized outdoor art environment  โดยเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของใน community นี้ จุดเริ่มต้นของ project นี้เกิดจากคนผิวสีคนหนึ่งชื่อ Tyree Guyton ที่เค้ากลับมาบ้านเกิดของเค้า แล้วพบว่า neighborhood แถวบ้านเค้า กลางเป็นเขตร้างไปแล้ว หลายบ้านรอบๆ ก็ถูกทิ้งร้าง ทรุดโทรมมาก เค้าจึงเกิดไอเดียที่จะปรับปรุงภูมิทัศน์ในcommunity โดยการเอาพวกขยะ ของทิ้งแล้ว มาสร้างสรรค์เป็นศิลปะขึ้นมา ซึ่งปัจจุบัน ศิลปะเหล่านี้ ได้รับการ contribute จากหลายๆ คนใน community จนกลายเป็น art village เรียกว่า Heidelberg 3.0

ปัจจุบัน เมือง Detroit กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู เราเห็น sign หลายๆ อย่าง ที่พูดถึงการ rebirth ของเมือง Detroit เห็นความคิดของคนผ่านทางศิลปะฝาผนัง ที่พยายามบอกเล่าเรื่องราวของคน Detroit ที่พยายามจะทำให้บ้านเมืองกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง และที่สำคัญ คนเมือง Detroit ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด เราเดินดุ่มๆ เข้าไปใน neighborhood คนผิวสีก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด บางคน friendly มากๆ ด้วยซ้ำ นอกจากนั้น เมืองนี้ยังมีที่เที่ยวที่เก๋ๆ อีกหลายแห่ง อย่างเช่น GM Renaissance Center ที่เป็นตึกสูง สัญลักษณ์ของเมือง ข้างๆ ยังมี Detroit RiverWalk ซึ่งเป็นทางเดินริมทะเลสาบที่สามารถเห็นฝั่งตรงข้ามที่เป็นประเทศแคนาดาได้เลย ใกล้กันจะมี sculpture รูปกำปั้นอยู่อันนึงชื่อว่า Monument to Joe Louis หรือเรียกง่ายๆ ว่า The Fist เป็นสัญลักษณ์เพื่อรำลึกถึงนักมวยชื่อดัง Joe Louise ที่เค้าคนนี้ นอกจากจะต่อสู้ในสังเวียนตามแบบนักมวยปกติแล้ว เค้ายังต่อสู้นอกสังเวียนอีกด้วย เพราะ Louise คนนี้ เป็นคนนึงที่ต่อต้าน Jim Crow law ว่าด้วยกฎหมายการแบ่งแยกสีผิวในอเมริกาตอนใต้และทั่วอเมริกา ดังนั้นหมัดนี้ คนเมือง Detroit ก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนการต่อต้านการเเหยีดสีผิวเช่นกัน

อีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึง Detroit นั่นคือพิพิธภัณฑ์ Henry Ford ซึ่งก้อคือรถยนต์ยี่ห้อ Ford ที่บ้านเรารู้จักกันนั่นแหละ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีพื้นที่มากกว่า 250 เอเคอร์ (101 เฮกตาร์) และมีสิ่งประดิษฐ์กว่า 26 ล้านชิ้น เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เราเห็นว่าน่าสนใจคือ มีรถของประธานาธิบดีของอเมริกาที่ใช้ตั้งแต่สมัยยังเป็นรถม้าลาก นั่งโดย Theodore Roosevelt จนไปถึงรถประธานาธิดีที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในทีวี นั่งโดย Franklin D. Roosevelt, Harry Truman, Dwight D. Eisenhower, Gerald Ford, Jimmy Carter, Ronald Reagan, George H.W. Bush รวมถึงรถที่เป็น highlight อย่าง Lincoln Continental Presidential Limousine ที่ John F. Kennedy นั่งอยู่แล้วโดยลอบสังหารเมื่อวันที่ 22 November 1963 นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Greenfield Village ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่อุทิศให้กับประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

สุดท้าย ถ้าใครถามว่า Detroit เป็นไงบ้าง เราก็แนะนำว่า ที่นี่ก็มีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่ โดยเฉพาะที่เที่ยวแนวประวัติศาสตร์ ใครที่เป็นสายเรื่องราว น่าจะชอบใจที่นี่ ส่วนเรื่องความปลอดภัย เราก็ได้แต่แนะนำว่า ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เราก็ควรเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ อย่า bias และเที่ยวอย่างมีสติ ถึงจะได้ทั้งความสนุก ความปลอดภัยไร้กังวล และความรู้ จริงมั้ย?

Don’t ever try to judge me dude, you don’t know wtf I’ve been through.

EMINEM

Amy Yu

สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว "ผิดถนัดค่ะ" ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ :) กริรกริ

Recommended Articles

This error message is only visible to WordPress admins

Error: No feed found.

Please go to the Instagram Feed settings page to create a feed.