พุกาม เมืองแห่งทะเลเจดีย์ ในที่สุดเราก้อได้มา เย้~~~~ พุกามเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ bucket list ของเรามานานแล้ว และแล้วก้อได้ cross มันออกไปซะที เราอยู่พุกามเต็มๆ 1 วันแบบไม่ค่อยถ้วน คือมีติ่งเย็นวันมาถึงและติ่งเช้าขากลับอีกนิดหน่อย ในส่วนของการเที่ยวชมเมือง คุณมีหลายช่องทางเลือก ทั้งเช่ารถพร้อมคนขับ เช่ารถม้า (ม้า 1 คันนั่งได้ 2 คน) เช่าจักรยาน และเช่า E-bike สำหรับแก๊งค์เรา เราตัดสินใจเช่า E-Bike 3 คนและเช่าจักรยาน 3 คน ปั่นรอบเมือง รวมแล้ว 27 กิโล โอ้ก๊อดดดด ?
? Nice to know before you go
ทุกคนคงเคยทราบว่า เมื่อปี 2016 มีเหตุการ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่พม่า [Source from BBC news] ส่งผลให้เจดีย์ที่พุกามเสียหายอย่างมาก ดังนั้นการไปพุกามของเราครั้งนี้ สิ่งที่เราคาดหวังไปก่อนไปคือ ไม่ใช่ทุกเจดีย์ที่จะเข้าได้ บางส่วนปิดห้ามเข้า ส่วนใหญ่ก้อจะอยู่ระหว่างบูรณะ
สำหรับคนที่วางแผนไปเที่ยวพุกาม คุณควรวางตรวจสอบว่ามีเจดีย์อันไหนเปิดอยู่บ้าง และวางแผนขึ้นเจดีย์ให้ถูกอัน
สำหรับการแลกเงิน ในเมืองพุกาม USD สามารถใช้ได้อย่างแพร่หลาย ทั้งแบงค์เล็กใหญ่ ขอให้เป็นแบงค์ใหม่ก้อพอ ดังนั้นเวลาแลกเงินกับสถาบันการเงินต่างๆ ต้องเน้นว่าไปพม่า แล้วเค้าจะให้แบงค์ใหม่มา บางที่อาจจะมีค่าแบงค์ใหม่บอกเพิ่งเข้าไป ก้อให้เลือกที่ที่ไม่คิดค่าแบงค์ใหม่ก้อจะดีต่อใจนะจ๊ะ ส่วนในเมืองมัณฑะเลย์ จะไม่ค่อยรับ USD ให้เตรียมแลกเงินพม่าไปด้วย
? Bagan Sunrise
4:30 เราออกจากห้องพักมาเชคอากาศก่อนอย่างแรก ดูท่าแล้วฝนไม่ตกแต่เมฆ ? เยอะใช้ได้ แต่เอาเถอะ อุส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา จะเอาแต่ซุกอยู่ในผ้าห่มนอนน้ำลายยืดต่อก้อใช่เรื่อง เราตัดสินใจสลัดตัวขี้เกียจแล้วขุดสังขารออกจากเตียง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่า ว่าแร้วก้อเช่ารถโรงแรมพร้อมคนขับไปจุดหมาย Common สำหรับการดูพระอาทิตย์ขึ้น พอไปถึง เราต้องซื้อ Bagan archaeological entrance pass ราคา 25,000 จ๊าด สำหรับเข้าเจดีย์ ซึ่งซื้อแค่ครั้งเดียว เข้าได้ทุกที่เป็นเวลา 5 วัน ทุกเจดีย์ต้องถอดรองเข้าก่อนขึ้น จะให้ดีก้อลากแตะไปเลยจร้า หรือจะพกถุงใส่รองเท้าไปด้วยก้อได้ ในกรณีที่เกือกคุณแพง กลัวหายงิ ?
เช้านี้เราขอนำเสนอ วิวพระอาทิตย์ขึ้นจาก Shwesandaw Pagoda ?
เราใช้เวลาตั้งค่ายรอบนเจดีย์ประมาณ 45 นาทีก่อนที่พระอาทิตย์อุทัย ? ออกมา คนเยอะใช้ได้ พวกช่างกล้องยอดฝีมือจองที่ดีๆ กันหมดแร้วตอนเราไปถึง ชริ! นั่งที่หมาเยี่ยวก้อได้เรา ?
พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูง เราจึงยักย้ายขบวนไปชมเมืองพุกามในมุมอื่นๆ ดูบ้างด้วยการเดินวนรอบเจดีย์ ถ่ายรูปพร้อมๆ กับสูดอากาสยามเช้า ก่อนจะกลับมาโรงแรมทานข้าวเช้า อาบน้ำ และทำการเช่ารถคู่ใจที่พร้อมจะไปลุยกะเราทั้งวัน
จากการหาข้อมูลมา มีหลายที่ที่คนแนะนำว่าเป็น sunrise pagoda นั่นหมายความว่า เป็นเจดีย์ที่คุณสามารถปีนขึ้นไปนั่งปักหลักชมพระอาทิตย์ขึ้นได้
- Low Ka Oushang : Easy access, Less crowded – OPEN.
- Shwesandaw : Easy access, Most crowded, Larger space to stroll on top of the pagoda – OPEN with a bit of renovation on top of the pagoda.
- Bulethi Pagoda : Difficult to access as it is situated in the middle of old Bagan, steep, nice for both Sunset and sunrise – OPEN with a bit of renovation on top of the pagoda.
- A Secret Pagoda with no name next to Buled Pagoda : This pagoda is not on the map but it is climbable. Nice view, Difficult to access as it is situated in the middle of old Bagan – OPEN.
อีก option สำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เมืองพุกามสำหรับคนกระเป๋าหนักเห็นจะเป็นการนั่ง Balloon ชมเมืองพุกามจากฟากฟ้าด้วยราคา $315-$400 USD ก้อตามใจกระเป๋าคุณนะจ๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นกับสภาพดินฟ้าอากาศของเช้าวันนี้ ถ้าเมฆเยอะ ฝนตก ลมแรง ทางบริษัทที่ operate balloon จะทำการ cancel tour balloon โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำการคืนเงินให้เราในกรณีที่ไม่สามารถเอาบอลลูนขึ้นได้
?? E-Bike vs Bicycle
อย่างที่บอกว่ามีหลายวิธีที่คุณสามารถเลือกว่าจะชมเมืองด้วยแบบไหน ถ้าคุณถึกหน่อย หมายถึงวันนึงปั่นได้หลายกิโล ไม่หวั่นน่องโตและตัวดำ เน้นออกกำลังกาย เข้าซอกซอยได้ดี ปั่นจักรยานน่าจะเป็น option สำหรับคุณ แต่ถ้าคุณดูท่าปั่นวันละหลายสิบโลไม่ไหว แต่ยังอยากเข้าไปสัมผัสทาง off-road บ้างอะไรบ้าง เราขอแนะนำ E-Bike ดีกว่า แต่ยังไงก้อตาม ตัวดำอยู่ดี 5555 แต่ถ้าคุณไม่อยากตัวดำ เน้นสบาย สาย luxury แต่ไม่เน้น off road ก้อไป option รถม้าหรือเช่ารถพร้อมคนขับเลยจ้า ในส่วนของราคา ค่าเช่า E-Bike 1 Full Day ตกที่วันละ 8,000 จ๊าด ส่วน จักรยานอยู่ที่วันละ 4,000 จ๊าด
? E-Bike Route
ด้วยความที่เราเป็นมือใหม่หัดแว้น เราจึงเริ่มการเดินทางด้วยความเชื่องช้า คือแวะตลอดทาง หยุดโน่นนิดนี่หน่อย แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ด้วยความที่เป็น E-bike และจักรยาน ทำให้เราหยุดถ่ายรูปตามข้างทางได้ง่าย ในช่วงที่เรากำลังแวะๆ อยู่นั้น ก้อมีลุงชาวพม่าคนนึง อาสาพาเราไปจุดลึกลับซึ่งเป็นเจดีย์ที่ยังไม่มีในแผนที่ ฮีขับรถนำเราไป แถมยังโชว์ทางลับขึ้นไปยังหลังคาเจดีย์อีก
ทางขึ้นไปหลังคาเจดีย์นี่ทั้งมืดทั้งแคบ ถ้าไม่ได้ไปกัน 6 คนก้อคงคิดหนักว่าจะตามลุงแกไปดีมั้ย กลัวว่าจะโดนทุบหัวเอาง่ายๆ อุส่าห์ถามแล้วนะว่าฟรีใช่ม๊ะๆ ปรากฏฮีพาไปถึงที่ กางผ้าออกมาวางขายของเรยจ้า อ่ะนะ ก้อเข้าใจว่าคนเราต้องทำมาหากิน ไม่ว่ากัน เพราะวิวที่ลุงแกพามาสวยจริงๆ เจดีย์อันนี้ไม่ได้สูงมาก แต่ข้อดีคือมีแต่พวกเรานี่แหละ เราจึงทำการยึดเจดีย์ นั่ง relax กันตามสบาย ?
ที่พุกาม มีของที่เลื่องชื่ออีกอย่างคือ หุ่นเชิด คุณจะพบกับซุ้มขายหุ้นเชิดตามข้างทาง ที่เค้าจะเอาพวกหุ่นเหล่านี้ไปห้อยไว้กับต้นไม้ใหญ่ แบบนี้ แน่นอนว่า เราก้อไม่พลาดที่จะเข้าไปยืมถ่ายรูป 5555 ตามโรงแรมส่วนใหญ่ ก้อจะมีการแสดงหุ่นเชิดระหว่าง Dinner ด้วย แต่ประเด็นคือพากษ์เป็นภาษาพม่า ความเข้าใจก้อเลยเป็นศูนย์ตามคาด ?
ยังคงไปไม่ถึงไหน เราแวะทานข้าวกลางวันกันก่อนที่ New Bagan ร้านชื่อ 7 Sisters อาหารอร่อยเลย อันนี้แนะนำๆ ก่อนที่จะตั้งใจมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกของเรา โดยไม่แวะอะไร (เชี่ย! คือผ่านมาครึ่งวันแล้ว ยังไม่ถึงจุดที่ 4 ?) ระหว่างทาง ก้อมีเจดีย์สวยๆ ให้ถ่ายรูปเต็มไปหมดเบย ? และในที่สุด เราก้อถึงจนได้ Dhammayazaka Pagoda ที่หลังคาพังไปครึ่งนึง ขอบคุณค่ะ
มาถึงจุดๆ เน้ ทีมนั่งปั่น ตู เดอ ฟรองซ์ ของเราก้อหมดแรงข้าวกลางวันที่กินมากันอย่างหนักหน่วง ล้มพับกันน่องโตอยู่ใต้ต้นไม้
จะเห็นว่ายอดเจย์อันนี้ใหม่มาก ผิดกะส่วนล่าง นั่นเป็นเพราะมันเพิ่งถูกสร้างมาแทนที่ของเก่าที่พังทลายลงมานั่นเอง
จาก Dhammayazaka เราก้อมุ่งหน้าเข้าส่วนที่เป็น off road ของเมืองพุกามอย่างเต็มตัว แน่นอนว่าไม่มีการลาดยางแต่อย่างใด ตรงส่วนแห้งหน่อยก้อพอดูได้ ตรงไหนแสงส่องไม่ถึงหรือใต้ต้นไม้นี่อย่างเละ คำเตือนคือ ถ้าคุณคิดจะมาหน้าฝน รองเท้าเตะนี่และดีสุด เพราะไม่ต้องกลัวเน่า 5555
ระหว่างทาง คุณจะเจอเจดีย์นับร้อย ทั้งชนาดเล็ก ขนาดใหญ่ นี่ขนาดพังไปเยอะแล้วนะเนี่ยะ และแล้วเราก้อถึง Stop ที่ 5 ใกล้มีเจดีย์สีขาวเด่นเป็นสง่า
ต่อจากเจดีย์สีขาวนี่ เราก้อพักเหนื่อยกินน้ำมะพร้าวสด แต่รสชาติจืดชืด ที่ร้านข้างทางก่อนจะไปต่อที่สถานีต่อไป Sulamuni Temple
ช่วงถนน off-road นี่ ทั้งฝุ่นทั้งโคลน อร่อยไปเลย โดยฌแพาะช่วงหน้าฝนที่ถนนบางส่วนยังเป็นโคลนอยู่ โอ้ววววว เกือกน้อยของข้า โดนโคลนแดรกไปแล้วจ้า
แต่บางที มันก้อคุ้มกับการลุยโคลนนะ เพราะมันมีที่หยุดให้ถ่ายรูปตลอดทาง เราใช้เวลาทั้งบ่าย ในการลัดเลาะเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ จนเรามาป๊ะกับเจดีย์องค์นึงที่อยู่ติดกับ Bulethi Pagoda คนท้องถิ่นบอกว่าอันนี้ไม่ได้อยู่ในแผนที่ แต่ปีนขึ้นแล้ว วิวสวยมากกก
ตอนที่เราไป Bulethi Pagoda กำลังซ่อมแซมอยู่ จึงไม่ได้ปีนขึ้นไป แต่ก้อด้วยเวลาที่ใกล้ค่ำแล้ว เราจึงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายสุดท้าย เพื่อดูพระอาทิตย์ตก
⛅ Bagan Sunset
การดูพระอาทิตย์ตกดินที่พุกาม ก้อเป็นกิจกรรมยอดฮิตอีกอย่าง คือดูมันทั้งขึ้นและตก คือบั๊บ ที่บ้านไม่มีให้เห็นไรงิ ถุยส์ … และเนื่องจากมันเป็นกิจกรรมยอดฮิต จึงมีการทำวิจัยจากหลายนักท่องเที่ยวว่าที่ไหนควรค่าแก่การดูพระอาทิตย์ตก
- Pyathetgyi [most crowded] – OPEN
- Tawethpaya [Less crowded]
- Thitsakwadi [Balloomn view]
- Noth Guni [High Storey] – CLOSED
- Pyathadar Hpaya [crowded, large space] – OPEN
- South Guni (Myauk Guni) [Narrow, steep, less crowded]
- Shwesandaw Pagoda [most crowed, group tour] – OPEN
- BULETHI/BULEDI – Partly CLOSED
- Low Ka Oushang [Easy, less crowded] – OPEN
จากลิสที่เราหามา เราเลือก south guni ด้วยเหตุผลว่าเป็นทางกลับบ้าน คือไม่ห่างจากถนนใหญ่มาก และไม่ซ้ำกับเมื่อเช้า วิวที่เราได้จากที่นี่ก้อเป็นแบบนี้
เมฆมาครึ้มเลย แถมเจดีย์ส่วนใหญ่กำลังซ่อมอยู่ ดูไกลๆ เลยเหมือนเจดีย์ครอบตระกร้าซะงั้น เอาว๊ะ ก้อได้เท่านี้แหละทุกโคนนนน ?
เช้าวันกลับ เราปิดท้าย Bagan Trip ด้วยการไปนมัสการเจดีย์ชเวสิกอง ซึ่งเป็นเจดียืที่มีชื่อเสียงเป็นที่ 2 รองจากชเวดากอง
จากนั้นเราจึงมุ่งหน้ากลับไป Mandalay ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าขามานิดหน่อย เพราะฝนไม่ตก ประมาณ 4 ชั่วโมง …
ในความเห็นของเราพุกามยังเป็นเมืองที่เวอร์จิ้นมาก อย่างน้อยเรายังไม่เห็น 7-11 หรือ super market brand ดังๆ มาเปิด คนท้องถิ่นที่นี่ก้อยังคงความวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ไว้อย่างดี ถ้าคุณจะเที่ยวให้ชิว ก้อชิวได้สบาย คนที่นี่ก้อค่อนข้างเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว การได้ขับ E-bike ชมเมือง เป็นอะไรที่ฟินมาก คือ ชอบ! สะดวกและสนุก! สุดท้ายนี้ เราหวังว่า จะได้กลับมาที่เมืองพุกามอีก คราวหน้า เจดีย์ที่พังๆ คงจะซ่อมแซมบูรณะเสร็จแล้ว และบอกเลอ คราวหน้าขอมาหน้าหนาวนะ คงจะฟินและโรแมนติคไปอีกแบบ ?
สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว “ผิดถนัดค่ะ” ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ 🙂 กริรกริ