ALASKA RV ROAD TRIP : EP3 Sea Kayaking in Columbia Bay

“เรือล่มในหนอง ยังพอไหว เรือล่มในธารน้ำแข็ง ตัวใครตัวมัน!!”

ความเดิมจากตอนที่แล้ว เราอยู่กันที่ Denali National Park พาทุกคนไปดูหมี ดูกวาง ตามประสาคนนู้บๆ เค้าเที่ยวกัน EP. นี้ เราจะพาอัพ level การผจญภัยกัน เพราะเราจะไปพายเรือคายัคในธารน้ำแข็งที่ Columbia bay กันค่าาา! ใช่แล้ว~~~~ จุดมุ่งหมายของเราวันนี้ อยู่เมือง Valdezzzzz

Dump station at Riley Creek Campground

เช้าวันนี้ ณ Riley Creek campground เมือง Denali เรารู้สึกตัวตอนเช้าในเวลา 7 โมงกว่าๆ โดนปลุกด้วยเสียงและกลิ่นอาหารเช้าตามเคย แม้ว่าเราจะปรับตัวกับ timezone นี้ได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่า สมาชิกร่วมทีมเราบางท่าน จะยังคงตื่นตีสามตีสี่ แม้ว่าจะผ่านมาแล้ว 3 คืนก็ตาม เช้าวันนี้เราเตรียมตัวออกเดินทางไกล ระยะทางจาก Denali ถึง Valdez ประมาณ 462 miles (743 กิโลเมตร) เปรียบเทียบง่ายๆ คือจากกรุงเทพเกือบถึงเชียงรายเจ้า โอ้วววว ไกลขนาด~~~

วิธีการเชคเอาท์ออกจาก campsite ที่นี่ง่ายมาก คือขับออกไปเลย 5555 อย่าลืมเอากระดาษสำหรับจองที่จอดรถ ที่เราติดไว้วันแรกออกด้วยนะ ก่อนออกจาก campsite เราไปแวะกันที่ dumpstation ของ campsite ก่อนเพื่อทำการทิ้งน้ำเสีย และเติมน้ำ potable เพื่อใช้ระหว่างกันเสียก่อน ขั้นตอนการทิ้งน้ำเสีย จริงๆ ไม่ยุ่งยากเลยค่ะ เอาท่อน้ำทิ้งออกมา ต่อท่อด้านหนึ่งกับช่องน้ำทิ้งของรถ ซึ่งจะมีวาล์ว grey water และ black water ส่วนอีกปลายก็เอาไปเสียบตรงช่องน้ำทิ้ง จากนั้น ตามหลักการจะต้องเปิดวาล์ว black water ก่อน พอน้ำจากส้วมไหลหมดแล้ว จึงค่อยเปิดวาล์วน้ำ grey water เพื่อทำความสะอาดท่ออีกที จริงๆ แล้วมันไม่ได้เหม็นมากอย่างที่คิด เพราะเค้าจะมีผงสีฟ้าๆ ซึ่งเป็นผงที่ช่วยสลายมูลที่เกิดจากการขับถ่ายของเรา และจะช่วยดับกลิ่นด้วย ดังนั้น เวลาถ่ายน้ำพวกนี้ออกจึงไม่ได้มีกลิ่นมากนัก สำหรับวิธีการเติม potable water จะ tricky กว่าหน่อย คือต้องเอาสายน้ำดีต่อกับวาล์วจ่ายน้ำก่อน จากนั้นเปิดน้ำซักพักเพื่อไล่อากาศออกจากท่อน้ำ ก่อนที่จะเอาเข้าไปเสียบกับช่องรับน้ำที่ตัวรถ เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปยังถังเก็บน้ำนั่นเอง

บริเวณนี้ ภูมิประเทศยังเป็นต้นสนอยู่เลย พอลงใต้ไปก็จะมีพันธุ์ไม้หลากหลายขึ้นค่ะ

9 โมงเช้า เราออกจาก Riley Creek Campground ⛺️ หันหลังให้กับ Mt. Denali มุ่งหน้าลงใต้ วิวระหว่างทาง ก็สวยจนเราต้องหยุดถ่ายรูปตลอดทาง

เมื่อวานแอบนอยด์ว่าไม่เจอ reflection วันนี้เราเจอข้างทางเลยจ้า สวยๆ แบบไม่ต้องเปลืองแรงเดิน 555

เราแวะซื้อเสบียงเพิ่มกันที่ Walmart Supercenter อีกครั้ง ที่เมือง Wasilla ซึ่งเป็น wallmart ที่อยู่ริมทาง Highway เลย แวะง่ายมากไม่ต้องเสียเวลาอ้อมเข้าเมือง Anchorage ผ่านมา 4 วันแล้ว เรารู้สึกได้ว่า การขับรถ RV ในอลาสก้าก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะถนนที่นี่ค่อนข้างกว้าง parking lot ตาม supermarket ใหญ่ๆ ก็จะมีที่จอดรถ RV อยู่แล้ว จะมีก็แต่ต้องระวังเวลาเลี้ยวเข้าออกตาม drive way ที่ต้องเผื่อหลังรถที่ยาวเป็นพิเศษ

Matanuska Glacier ข้างทาง อยู่ใกล้นิดเดียว

สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากการขับรถในอลาสก้าคือ ถนนพังตลอดทางจ้าาา!! ทำให้การซ่อมแซมถนนเกิดขึ้นเกือบจะตลอดทางเช่นกัน ขับๆไป เอาอีกละ ข้างหน้าซ่อมถนน เวลาเจอจุดซ่อมถนน บางทีต้องจอดรอนาน ตั้งแต่ 10 นาที จนถึงบางทีครึ่งชั่วโมง เพราะช่วงที่ถนนซ่อม รถจะผ่านได้ทางเดียว จึงต้องสลับกันไป ทำให้เราใช้เวลานานมาก กว่าจะไปถึง Valdez เราคุยกับคุณป้าคนนึงที่มาถือป้าย Stop sign ? ให้เราหยุดเพื่อให้ traffic ฝั่งตรงข้ามมาก่อน คุณป้าเล่าให้ฟังว่า ซ่อมถนนที่อลาสก้าในช่วง summer เป็นเรื่องปกติ เพราะหน้าหนาวหิมะเกาะสูง ดินบางแห่งเป็น Prema Frost บางจุดเส้นทางแม่น้ำเปลี่ยน ก็ทำให้ถนนหายไปก็มี ทำให้ต้องทำใหม่ทุกปี เห็นแล้วก้อเหนื่อยใจ ทั้งคนทำถนนและคนขับละนะ เห้ออออ~~~~

จุดซ่อมถนนระหว่างทางไป Valdez ก็เป็นโอกาสให้เราเดินลงมาถ่ายรูปเล่น

ขับไป นอนไป กินไป และแล้ว เราก็มาถึง Valdez…

VALDEZ

ถึงซะที Valdezzz

Valdez คนที่นี่อ่านออกเสียงว่าวัลดีสส” (อย่าลืมออกเสียงตัว z ด้วยหล่ะ) เมืองที่มีประชากรแค่ประมาณ 4,000 คน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยหลายๆ อย่าง ทั้งบนบก ในน้ำ รวมถึงบนธารน้ำแข็ง เมือง Valdez แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ส่วนหัวของ Port Valdez ซึ่งเป็นฟยอร์ดตามธรรมชาติที่ยาวมาถึงบนบกประมาณ 11 ไมล์จาก Prince William Sound เมืองนี้ ได้ผ่านวิบากกรรมใหญ่มาแล้วถึง 2 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือ แผ่นดินไหวที่แรงเป็นอันดับสองของโลก ในปี 1964 โดยวัดความแรงได้ที่ 9.4 ริกเตอร์ ก่อให้เกิดแผ่นดินถล่มใต้น้ำขนาดใหญ่บริเวณท่าเรือของเมือง ความเสียหายมูลค่า $ 15 ล้านเหรียญ และต่อมาในปี  1989 เรือบรรทุกน้ำมัน Exxon Valdez ชนกับแนวปะการัง Bligh ที่จุดห่างออกไปประมาณ 25 ไมล์จากเมือง Valdez ทำให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเหนือ ทำให้เมือง valdez ต้องจ้างคนงานมาทำความสะอาดเกือบ 10,000 คน นกหลายพันตัว รวมถึง พวก sea otters (นาก) สัตว์ป่าอื่นๆ ต้องตายไป ชายหาดหลายร้อยไมล์ก็เสียหายจากคราบน้ำมัน ทำให้ต้องเสียเวลาและแรงงานในการทำความสะอาดชายหาดและช่วยเหลือพวกสัตว์กันเป็นปีๆ เลยทีเดียว น่ากลัวมาก

รู้หรือไม่? ในทางภูมิศาสตร์แล้ว คำว่า “sound” หมายถึง ทะเลหรือมหาสมุทรที่มีขนาดใหญ่ ลึกกว่าแหลม และกว้างกว่าฟยอร์ด  หรืออาจจะหมายถึง ทะเลแคบหรือช่องทางมหาสมุทรที่อยู่ระหว่างสองแผ่นดิน เช่น Milford Sound ในเกาะใต้ของ New Zealand ?? หรือ Prince William Sound บนคาบสมุทร Kenai ในอลาสก้า

Port Valdez

ปัจจุบัน เมือง Valdez แห่งนี้ ถ้าให้เราพูดหล่ะก้อนะ เปรียบเสมือน gateway ของกิจกรรมการผจญภัยหลายๆ อย่างเลยทีเดียว ด้วยภูมิประเทศที่โด่ดเด่น มีฟยอร์ดล้อมรอบเมือง ทั้งภูเขา แม่น้ำ อ่าว ทะเล จึงสามารถทำกิจกรรม adventure ได้หลายอย่าง ทั้งเดินป่า ชมน้ำตก ตกปลา เดินชมธารน้ำแข็ง และกิจกรรม adventure เก๋ๆ ที่เป็นจุดประสงค์หลังของการมา Alaska ครั้งนี้ของเรา เห็นจะเป็น พายเรือคายัคในธารน้ำแข็งนี่แหละ!

Bayside RV Park

เกือบ 2 ทุ่ม เรามาถึงที่ Bayside RV Park ซึ่งเป็น campsite ที่เราชอบมากที่สุดในทริปนี้ เพราะ location ดีงามพระรามแปดมากเด้อ campsite แห่งนี้ หันหน้าเข้า Port Valdez ที่ฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ยิ่งที่จอดรถ RV ของเราอยู่แถวหน้าด้วยแล้ว โอ้วววว ฟินค่าา นอกจากนั้น ที่ตั้งของ campsite ยังอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือ ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนเค้าออกเรือตกปลากัน และเป็นที่ตั้งของทัวร์ต่างๆ อยู่ในระยะเดินได้สบายๆ อีกด้วย

เรื่องตลกมีอยู่ที่ว่า ตอนเราจอง campsite ที่นี่ email คุยกันไปมายังเป็นฝรั่งอยู่เลย แต่พอตอน check-in นี่ไหงกลับกลายเป็นคนจีนไปได้ เจ้าของที่เป็นคนจีนเล่าว่า เค้าเพิ่งซื้อกิจการมาได้เดือนนึง campsite นี้ เปิดให้บริการแค่ summer แต่เต็มแน่นทุกวัน พอมาคิดๆ ดูรายได้แล้ว โอ้วววว ทำงานแค่หน้าร้อน หน้าหนาวบินกลับไปอยู่อยู่จีนใช่ตังค์สบายๆ เลยนะ อีกอย่าง คนจีนนี่ จะรวยกันไปไหน ไปที่ไหนก็เจอ โว๊ะ!

วิวที่จอดรถ RV หันหน้าเข้า bay วิวหลักล้าน บอกเลอ!

BAYSIDE RV PARK

  • Type of Site: Back-in
  • Hookup Type: Fully Hookup (มีสาย cable tv อีกต่างหาก)
  • Rate/night: ราคาของที่นี่ ขึ้นกับตำแหน่งที่จอด เราเลือกอยู่ริม bay ก็จะแพงหน่อย เรียกว่า front-row $52 ราคานี้เป็นราคาสำหรับพัก 2 คน extra person คิดเพิ่มคนละ $5 per night
  • Shower: free
  • Rating:
  • Link: https://baysiderv.com/

หลังจากจอดรถ ต่อท่อน้ำ ไฟ ท่อน้ำทิ้งเสร็จเรียบร้อย ทุกคนคงเดาได้ว่า เป็นเวลาหรรสาพากินของครอบครัวเราแล้วคร้าบ เมนูวันนี้ แฟนซีไม่แพ้วันอื่นๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้นอนโรงแรมหรูหราห้าดาวเหมือนทริปอื่นๆ แต่อาหารเราถูกปากทุกวัน แถววิวโต๊ะอาหารเราวันนี้ หลักล้านเลยขอบอก 🙂

เมนูนำเสนอวันนี้ “คะน้าปลาเค็ม”

พออิ่มท้อง เราก็จัดเตรียมทำไส้ sandwish สำหรับไปทานเป็นอาหารเที่ยงของพรุ่งนี้ ก่อนจะเข้านอน

พร้อมหน้าพร้อมตา อาหารเย็นพร้อมวิว columbia bay

SEA KAYAKING IN COLUMBIA BAY

วันรุ่งขึ้น เราตื่นกันสบายๆ เพราะไม่ต้องรีบเอารถออก หลังจากทานข้าวเช้า ทำ Sandwich โดยการเอาไส้ที่ทำไว้แล้วประกบร่างกับขนมปัง ใส่ Ranch กะแฮมเข้าไปด้วย มื้อกลางวันของเราก้อพร้อม ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเท้าจาก campsite ไปยังบริษัท Pangaea Adventure ซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ 600 เมตร วันนี้เราจะไปพายเรือคายัคในธารน้ำแข็ง กิจกรรมที่เป็นแรงบรรดาลใจของทริปนี้กันค่ะ

จาก Campsite ของเราไปยังบริษัทที่เราจองเรือคายัคไว้ จะเดินผ่านตัวเมืองของ valdez เล็กน้อย มุ่งหน้าสู่ท่าเรือ ระหว่างทาง เราเจอเรือขนาดน้อยใหญ่จอดกันเรียงราย มีทั้งร้านอาหาร บริษัททัวร์ ที่นอกจากจะเป็นพวกทัวร์พายเรือคายัคแล้ว ก็เป็นพวก charter boat ไปตกปลา หรือจะเป็นทัวร์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปดู Glacier หรือแม้แต่กิจกรรมล่อง cruise ชิวๆ จาก Valdez ไปยัง Juneau รวมถึงร้านที่รับส่ง FedEx ปลาอีกต่างหาก โอ้ว~~~~ สะดวกดีแท้ ตกมาเยอะ ทานไม่หมด ส่งกลับบ้านได้จ้า

ร้านนี้ครบวงจรจริมๆ มี charter boat ให้ พร้อมอุปกรณ์ตกปลา ไกด์ และรับส่งปลาด้วยจ้า
Port Valdez น้ำใสไหลเย็น

ถึงแล้ว! Pengaea อ่านว่ายังไงยังไม่รู้เลย จนบัดนี้ -_-‘ เราจองทัวร์พายเรือมาจาก internet ทัวร์นี้ ดีตรงที่ไม่ต้องจ่ายมาก่อน มาจ่ายเอาตอนเจอกันเลย ค่อนข้าง flexible ทั้งบริษัททัวร์และเรา ราคาแพงใช้ได้ แต่เรามาเพื่อการเน้~~~ ดังนั้นสู้ตายค่ะ (ค่อยกลับไปกินแกลบตอนสิ้นเดือนทีหลัง)

Pengaea

หลังจากจ่ายตังค์เรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะมีการแบ่งกลุ่ม โดย guide 1 คน จะดูแลลูกทัวร์ 6 คน ก็พอดีกับแก็งค์เราเลย ไกด์ของเราชื่อ Chris หนุ่มน้อยหัวหยิก หน้าตาจิ้มลิ้ม อายุ 26 ปี ถูกใจป้าๆ ยิ่งนัก 5555 อีกกลุ่มก็เป็นแก็งค์ฝรั่งล้วนมาทำการ orientation วิธีการพายเรือคายัคกะเรา

เรือคายัค แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 แบบคือแบบ Sit-in kayak และแบบ Sit-on kayak

Sit-in kayak

Sit-in kayak คือแบบที่ครึ่งตัวล่างของคุณอยู่ภายในตัวเรือ โดยคุณจะต้องสวมใส่กระโปรงที่เรียกว่า Spray skirt เพื่อใช้ในการ seal ให้ช่วงล่างของคุณอยู่ภายในเรือ ข้อดีคือ น้ำไม่เข้า เท้าไม่เปียก ลมพัดก็ไม่หนาว จึงเป็นแบบที่เหมาะสำหรับพายในที่หนาวๆ แบบที่อลาสก้านี่แหละ ข้อเสียของแบบนี้คือ ขึ้นลำบาก ถ้ากระโปรงหลุดจากตัวล็อคระหว่างพาย ก็ใส่กลับลำบาก ยิ่งเรือคว่ำนี่ไม่ต้องพูดถึง 555 กลับเข้าเรือคงเป็นเรื่อง advance มาเลยทีเดียว

Sit-on kayak

Sit-on kayak คือแบบที่เราๆ เคยพายกันนั่นแหละ คือนั่งลงไปเลย เวลาพายไปเรื่อยๆ ขาก็จะเปียกน้ำ บางทีเปียกถึงก้นก็มี จึงเหมาะกับใช้พายในที่ๆ อากาศไม่หนาว บ้านเรานี่แหละ อารมณ์แบบ “อยากเปียกค่าาาา”

Chris อธิบายวิธีการพายเรือคายัคแบบ sit-in ให้เราฟังคร่าวๆ เช่นวิธีการจับไม้พาย ต้องหันด้านไหนออก วิธีการจ้วงพาย ทำยังไงถึงจะพายได้นานๆ หลายชั่วโมงโดยไม่เหนื่อยมาก อะไรประมาณนี้ จากนั้นเค้าจะให้เราเอาสัมภาระทุกสิ่งอย่าง ย้ายจากกระเป๋าเป้ไปใส่ในถุงกันน้ำที่เค้า provide ไว้ให้ จริงๆ storage บนเรือมีหลายที่นะ ทั้งข้างหน้า ข้างหลัง และมี pocket storage เล็กๆ ไว้ใส่มือถือหรือของเล็กๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือ ยาดม?!? แต่ใส่กระเป๋าเป้ใหญ่ๆ คงไม่ไหว และมีโอกาสที่น้ำจะเข้าส่วนของ storage โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำที่เราไปพายเป็นน้ำทะเล เค้าจึงไม่แนะนำให้เอากระเป๋าตัวเองไปแม้ว่ามันจะกันน้ำก็ตาม เพราะถ้าโดนน้ำทะเลแล้วจะทำให้กระเป๋าเป็นคราบ

หลังจากทีมเราใส่กระโปรงกันเรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมออกเดินทาง!!! 

Ready! Set! Row!

จากกระท่อมของบริษัท เราเดินมายังท่าเรือ แบกไม้พายมาคนละคู่ อารมณ์ฮึกเหิมมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่เราตั้งตารอคอยสุดๆ โดยไม่รู้เลยว่า ประสบการณ์พายเรือครั้งนี้ มันจะอยู่ในความทรงจำของเราอีกนาน Chris พาเราแวะเข้าห้องน้ำด่านสุดท้ายก่อนจะลงเรือ พร้อมกับกระซิบๆ คร่าวๆ ว่า ต่อจากนี้ไป nature toilet นะจ๊ะ

Chris เดินพาเราทั้งหมดไปลง speedboat ที่ท่าเรือใน Port Valdez คุณลุง Dave ออกมา say hi พร้อมกับค่อยๆ ทยอยเอาเรือคายัคทั้งหมด 14 ลำขึ้นหลังคาเรือๆ เห็นยกๆ กันอยู่สามคน แข็งแรงมาก!!

ลุง Dave พาเรามุ่งหน้าจาก Port Valdez ออกทะเลไปยัง Columbia bay ใช้เวลาค่อนข้างนานเหมือนกัระหว่างทางก้อเจอพวกแมวน้ำว่ายไปมาตลอดทาง และแล้วลุง Dave ก็พาเรามาหยุดอยู่ที่หินโสโครกกองนึงมีประภาคารเล็กๆอยู่ด้วย เดินออกจากเรือไปดูถึงก้อต้องร้องว้าววววแมวน้ำเต็มเลย 

ขอตั้งชื่อว่า ผาทรนง
ซิมบ้า เจ้าป่า
แก๊งค์นางสิงห์ นอนหลังยาวขึ้นอืดกันเชียว
อ๊ะ มีแอบมองด้วย
แก๊งค์นี้ท่าทางร้อน เลยลงมาเล่นน้ำซะหน่อย

จากตรงแมวน้ำ เรานั่งเรือไปอีกพักใหญ่ก็ถึงบริเวณที่เรียกว่า Columbia bay ซึ่งเป็นอ่าวที่ถูกล้อมรอบด้วย Columbia Glacier 

COLUMBIA GLACIER
 

Columbia glacier เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก กำเนิดจาก ice field ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,050 meters (10,000 feet) ไหลลงไปตามไหล่เขาของภูเขา Chugach และเข้าสู่ช่องเขาแคบๆ แล้วไหลลงสู่ Prince William Sound เนื่องจากภาวะโลกร้อนและ climate change ทำให้ธารน้ำแข็งแห่งนี้อยู่ในสภาพว่าที่เรียกว่า “retreat” หรือถดถอย อย่างรุนแรง ในวันๆ หนึ่งจะมีน้ำแข็งปริมาตรประมาณ 13 ล้านตัน หลุดออกมาจาก ธารน้ำแข็ง ไหลลงสู่อ่าว ดังนั้น พอเราเข้าใกล้ตัว glacier มาขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นน้ำแข็งลอยเต็มผืนน้ำ ยิ่งเข้าใกล้ ก็ยิ่งหนาแน่น

Columbia glacier

Dave ขับเรือพาเราเข้าใกล้ฝั่งเพื่อเอาเรือคายัคลง พร้อมกันนั้น Chris ก็บอกพวกเราว่า ใครอยากจะเข้าห้องน้ำก็เลือกโขดหินที่ถูกใจได้เลย 5555 open air กันสุดๆ

เรือของลุง Dave อย่างเก๋ เปิดหน้าได้ด้วย
คุณชายว่า นางเอาโขดนี้ละกัน

หลังจาก staff เอาเรือทยอยลงมาแล้ว ลุง Dave ก็ทิ้งพวกเราไว้กับไกด์ 2 คน โดย Chris จะเป็นคนรับผิดชอบกลุ่มเราทั้งหมด 6 คน พวกเราจัดการเอาสัมภาระที่แบกมาแบ่งเป็น 3 หมวด คือ หมวดที่ไม่ค่อยได้ใช้ หมวดที่อาจจะได้ใช้ระหว่างพาย และหมวดที่ใช้บ่อยๆ ระหว่างพาย จัดการเอาสัมภาระใส่ลงใน storage ของเรือ จากนั้นเราก็ทยอยลงเรือ โดย chris จะเป็นคนช่วยเราติดกระโปรงกะเรือและไถเรือเราออกจากฝั่งให้

เตรียมตัวขึ้นเรือ ทุกโคนนน
ทีมแรก ออกเดินทาง!

วันนี้ เป้าหมายของเราคือพายประมาณ 4 ชั่วโมง โอ้วววว แค่คิดก็แขนสั่นแล้ว chris ให้ trick เราว่าเวลาพายไม่ต้องจ้วงลึก จับให้ได้ระยะ หันด้านให้ถูก ก็จะไม่เมื่อยมาก เอาว๊ะ ลุย!

นี่ไง เป้าหมายของเรา ดูเหมือนไม่ไกลน่า แต่พายกล้ามขึ้นนะจ๊ะ
Chris ไกด์ของเรา
ปลายทางของเรา สวยมากเลย~~~

หลายคนถามเรามาว่า โห~~~ ดูแล้วน่าจะหนาว เอาจริงๆ เรามา alaska หน้าร้อน อากาศจึงไม่ได้หนาวมาก ใน columbia bay นี่มีลมเย็นๆ อากาศกำลังดี บวกกับเราพายเรือไปด้วย จ้วงไปนานๆ นี่เหงือออกเหมือนกันนะคะเพื่อนๆ

พายไปได้แค่ 20 นาที หน้าตายังคงรื่นเริงอยู่

พายเรือไปดูวิว สวยๆ ไป ฟินค่าา… งั้นก็ดูรูปกันยาวๆ ไปละกานนะ

อันนี้เหมือนจะมีคนกินแรงนะ
ทีมนี้นี่ กินแรงกันชัดเจน
พายไปเรื่อยๆ น้ำแข็งก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พอเราเริ่มเข้าใกล้ๆ นี่ น้ำแข็งหนาแน่นมาก ทุกโคนนนน
แหวกหนองน้ำแข็งจ้า

จุดๆ นี้ น้ำแข็งหนาแน่นมาก คือพายลำบากมากทุกคน พายไม่ค่อยไป เราจะต้องรีบพายให้ติดเรือลำหน้ามากที่สุด เพราะถ้าช่องที่ไกด์แหวกไว้ขาดไปนี่ ทำทางใหม่เองลำบากมาก พายกันจนกล้ามขึ้นก็ไม่ไป ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า เฉาก๊วยในน้ำแข็งใสนี่รู้สึกยังไง 55555 กว่าจะหลุดออกมาตรงนี้ได้ พายเอาซะเหนื่อยเลย พอหลุดออกจากที่นี่ chris ก็พาเราเข้าฝั่ง หาที่ปิคนิคกินข้าวกลางวันกัน

 

หลังจากพายมา 3 ชั่วโมง จุดๆ นี้นี่ ทุกคนควักอาหารกันมาพัลวัน หลังจากเดินหาโขดหินเหมาะได้แล้ว ก็ล้อมวงกันซิจ๊ะรออะไร อาหารกลางวันวันนี้เราต้องเตรียมกันมาเองนะจ๊ะ แต่ Chris ก็แอบเตรียม hot chocolate มาให้เราด้วย น่ารักจริงๆ นางเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อน นางทำงานที่ investment bank เป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ไม่ได้มีหนวด ผมยาวแบบนี้ แต่รู้สึกเบื่อ ไม่ชอบงานที่ทำ ต้องการอาชีพอิสระ ก็เลยออกมาทำงานแบบนี้ มีความสุขมากกว่า งานแบบนี้ ทำได้แค่ตอน summer เราก็เลยแอบถามว่า แล้วฤดูหนาวนางจะทำอะไร นางบอกว่า ยังไม่รู้ อ้าว! ซะงั้น แถมมาถามเราว่า ที่เมืองไทยมีอะไรให้นางทำมั้ย 5555 เออ ใช้ชีวิตแบบนี้ก็น่าสนใจไปอีกแบบนี้ ได้อยู่ outdoor ชมวิวสวยๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ ไม่อุดอู้อยู่ในแต่ office ซักวัน เราก็อยากทำแบบนี้บ้าง

 

Lunch picnic

 

หลังจากอิ่มกันถ้วนหน้าแล้ว chris พาเราพายเรือหันหลังให้กับ Glacier โดยเราพายต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เห็นเรือลุง Dave รอเราอยู่เพื่อพาเรากลับ เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการนั่งเรือกลับ หลังจากพายเรือมาทั้งวัน เราก็ตีตั๋วนอน หลับกันยาวไป กลับมาถึงท่าเรือที่ valdez ก็ประมาณ 6 โมงเย็นพอดี

 

น้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สีฟ้าสวยงามมาก
ลาแล้วจ้า Columbia glacier
แก๊งค์ฝรั่ง อีกแก๊งค์นึงที่มากะเรา ตามมาไกลๆ

ประสบการณ์พายเรือคายัคใน Columbia bay แห่งนี้เราประทับใจมาก เพราะเราได้เข้าใกล้ glacier ที่สูงเหนือหัวเราเป็นร้อยๆ เมตร น่าตื่นตาตื่นใจมาก อีกทั้งการพายเรือในน้ำแข็งที่ถ้าไม่ใช่เฉาก๊วยแล้วหล่ะก็ คงไม่ได้มีประสบการณ์แบบนี้เป็นแน่ ถ้าใครมีโอกาสมา ก็อย่าพลาด activity นี้นะจ๊ะ

COLUMBIA GLACIER SEA KAYAK DAY TOUR

เดินชมท่าเรือ valdez แบบชิวๆ (นี่ 6 โมงเย็นนะ)

หลังจากเปลี่ยนชุด คืนอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราเดินชมท่าเรือ valdez กันไปจนถึงท่าเรือที่พวกออกเรือไปหาปลาเค้ากลับมากัน โอ้วววววว ตกใจเลย ปลาที่จับได้นี่ใหญ่มว๊ากกกก

จับปลามาได้แล้ว ก็เอามาแขวนโชว์ถ่ายรูปจ้าาา

 

เราไปสะกิดถามว่า นี่จับกันมาเองหรอ เค้าบอกใช่ ออกเรือไปกัน 5 คน ตั้งแต่เช้า กลับมาปลาเต็ม สุดยอด อยากจะขอเค้าตัวนึง แต่หน้าไม่ด้านพอ 5555 ไม่งั้นนิ สบายไปได้อีกหลายมื้อ โดยที่ valdez แห่งนี้มีกิจกรรมที่เรียกว่า Fish Derbies คือเค้าจะมีการมอบรางวัลเงินสด $15,000 ให้กับคนที่ตกปลา halibat และ silver salmon ที่ใหญ่ที่สุดใน season นั้น

 

ตัวใหญ่จนใส่กะบะไม่หมด
ข้างๆ ทางขึ้นเรือ ที่มี process ปลาให้เสร็จ เห็นแล้วก็อิจฉาาาาาา >.<
จัดการแล่เสร็จ ก็จะได้ sashimi สดๆ แบบเน้~~~

 

Valdez และ Prince Willian Sound เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่อง Silver Salmon run มาก บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ salmon run คืออะไร salmon run หมายถึง ช่วงเวลาที่ปลาแซลมอนซึ่งอพยพจากมหาสมุทร ว่ายน้ำไปจนถึงต้นน้ำลำธารที่พวกมันวางไข่  หลังจากวางไข่เสร็จแล้ว มันก็จะตายและวงจรชีวิตของปลาแซลมอน generation ใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง  ดังนั้น การตกปลาแซลม่อนที่ valdez จึงเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ popular มาในช่วงสิ้นเดือนกรกฏาไปจนถึงต้นเดือนสิงหา เพราะเป็นช่วง salmon run  นั่นเอง วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปดู salmon run กันที่ The Solomon Gulch Hatchery กันค่ะ

 

THE SOLOMON GULCH HATCHERY

 

จากท่าเรือ เราเดินกลับมายัง campsite ของเรา เพื่อขับรถออกมา ไม่นานก็ถึงบริเวณ hatchery แห่งนี้ จริงๆ แล้ว เหตุผลที่เรามาแห่งนี้ เพราะมีคนแนะนำเราว่า แถวๆ นี้มีโอกาสเห็นหมี (ห้ามผวนเด็ดขาด) สูง เพราะหมีมักจะลงจากภูเขามาหาปลากินแถวนี้ เราจัดการจอดรถริมถนนนั้นแหละ พอลงไป เห็นคนตกปลาเต็มเลย ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก เดินเข้าไปใกล้เห็นปลาเป็นล้านนน ถึงว่า ตกกันแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มาก

 

เด็กตัวเล็กตัวน้อย ตกปลากันใหญ่

 

ปลาแซลมอนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็กในแม่น้ำ ก่อนจะว่ายน้ำออกไปในทะเล ที่พวกมันจะใช้เวลาชีวิตส่วนใหญ่ในขนาดที่เป็นตัวเต็มวัย จนกระทั่งครบกำหนด พวกมันก็จะกลับไปที่แม่น้ำเพื่อวางไข่ ซึ่งมันจะต้องกลับไปแม่น้ำแห่งเดิมที่มันเกิด และยังต้องเป็นจุดที่พ่อแม่มันวางไข่ด้วย โอ้วววว ทำได้ไง จำได้หรอ? amazing มากๆ ในทางวิชาการ เค้าอธิบายว่า ตอนที่พวกมันอยู่ในมหาสมุทร มันจะใช้ magnetoception เพื่อค้นหาตำแหน่งคร่าวๆ ของแม่น้ำที่มันเกิด และเมื่อพวกมันว่ายเข้าใกล้แม่น้ำนั้น มันก็จะใช้กลิ่น เพื่อหาทางเข้าของแม่น้ำ จนกระทั่งถึงจุดที่พ่อแม่มันวางไข่!!! 

 

ปากทางเข้า hatchery

 

จากตรงที่คนตกปลากันเยอะๆ เราเดินมานิดนึงก็ถึงโรงฟักไข่หรือ The Solomon Gulch Hatchery ซึ่งเป็นสถานที่ฟักไข่ของปลาแซลม่อนที่มนุษย์สร้างขึ้น คือแทนที่ Salmon จะไปวางไข่ตามแม่น้ำตามธรรมชาติ เราก็สร้างโรงงานขึ้นมาอันนึง ทำการรีดเอาน้ำเชื้อจากตัวผู้ และรีดเอาไข่จากตัวเมีย มาผสมกันในถัง ใส่วิตามิน โน่นนี่นั่นลงไป จากนั้นเอาถังไปไว้ที่อุณหภูมิเหมาะสม เพื่อให้ success rate ในการเกิดเป็น salmon generation ถัดไปเพิ่มมากขึ้น จากนั้นก็ค่อยปล่อยสู่ท้องทะเลตามธรรมชาติ ทำแบบนี้เป็นการเพิ่มจำนวนปลาแซลม่อนและลดอัตราการเสี่ยงที่ทำให้ลูกๆ ปลาแซลม่อนตายก่อนออกไปทะเลนั่นเอง…

 

แต่ละตัว กระเสือกกระสน แย่งกันว่ายเข้าไปยังแม่น้ำ
นอกจากว่ายทวนน้ำแล้ว ยังต้องกระโดดขึ้นบันไดอีก ดูชีวิตลำบากมาก กว่าจะได้วางไข่

ที่นี่ จะมีทางเดินให้เราไปดู ฝายกั้นน้ำอย่างใกล้ๆ เห็นปลาเป็นล้านๆ ว่ายทวนน้ำ มีวีดีโอแนะนำโรงงานผสมพันธุ์ให้ดู ก็ได้ความรู้ไปอีกแบบ

ซูมเอาท์ออกมา..เอิบ..ไม่ใช่แค่มนุษย์นะจ๊ะ ที่รอทานซาชิมิ นกก้อรอทานซาชิมิเหมือนกัน

จนแล้วจนรอด เดินวนไปวนมา ดูปลาไปเพลินๆ ไหงไม่เห็นหมีเลยฟระ ถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่า เวลานี้มันเลยว่าเวลาทานข้าวหมีไปแล้วจ้า ให้มาเช้าๆ อีกอย่าง เราว่า ปลาเยอะขนาดนี้ กินแซลม่อนเบื่อไปแล้วม้างเนี่ยะ อาจจะอยากจับกบจับแย้กินบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศ

ไม่เจอหมีตัวจริง ก็เจอป้ายไปก่อนละกัน ปักป้ายไว้ขนาดนี้ สงสัยหมีเยอะจริงๆ เราแค่ดวงไม่ดี เลยไม่เห็นหมี (ฮา)

THE SOLOMON GULCH HATCHERY

จุดๆ นี้ บอกเลยว่าพวกเราพลาดมาก ไม่ได้เช่าเบ็ดตกปลามา ไม่งั้นนี่สบายไปหลายมื้อ บอกเลอ!!!! ถ้าใครจะมาก็ strongly แนะนำว่า 1. ให้มาตอนเช้า 2. เช่าเบ็ดตกปลามาด้วยยยย!!!

น้ำตกใกล้ๆ hatchery

และแล้ว เราก็จบวันอันยาวนานที่น่าประทับใจอีกครั้งหนึ่งที่เมือง Valdez กลับบ้าน ทำกับข้าว นอน พรุ่งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ออกจากเมือง valdez ไปเที่ยวที่ไหนต่อ ติดตามกันต่อไปนะคะ

Amy Yu

สะใภ้จีนที่รักการท่องเที่ยวและการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว "ผิดถนัดค่ะ" ยังทำงานประจำอยู่นะคะ เป็นสาววิศวะไอที มีการงานทำค่ะ ประเทศที่ไปแล้วชอบมากเป็นอันดับหนึ่งคือ Iceland ส่วนประเทศที่ไปแล้วไปอีกเพราะสนุกดีคือ อินเดีย ประเทศที่ยังไม่ได้ไปแต่อยากไปมว๊ากกก คือ เคนย่า (หาเพื่อนไปยากมาก T.T) ใครเป็นสายท่องเที่ยว เชิญมาเมาท์มอยหอยสังข์กันได้นะคะ เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่จริงใจค่ะ :) กริรกริ

Recommended Articles

This error message is only visible to WordPress admins

Error: No feed found.

Please go to the Instagram Feed settings page to create a feed.